เจ็บหน้าอกบ่อยเสี่ยงเป็น กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดใครที่ชอบมี อาการเจ็บหน้าอก อยู่บ่อยๆ รู้สึกเหมือนมีอะไรมาบีบรัดหรือเหมือนโดนทับ ให้ระวังไว้! เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณที่กำลังเตือนว่าคุณกำลังมีภาวะ “กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด” อยู่ก็ได้
“ต้นเหตุ” สำคัญของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ที่ไม่ควรมองข้าม
กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เกิดจากการที่หลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจเกิดภาวะแข็งตัว (Ateriosclerosis) จากการสะสมของสารต่างๆ ที่มาเกาะบนผนังด้านในของหลอดเลือด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นไขมัน ทำให้ผนังหลอดเลือดหนาตัว ตีบแคบหรืออุดตัน ความยืดหยุ่นของหลอดเลือดลดลง เลือดไหลผ่านไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้น้อยลง หรือไม่ได้เลย ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดและทำให้กล้ามเนื้อหัวใจตาย ซึ่งเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตโดยไม่ทันรู้ตัว นอกจากนี้ก็ยังมีปัจจัยที่ส่งเสริมให้หลอดเลือดหัวใจตีบได้อีก เช่น โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง และอายุที่มากขึ้น
สัญญาณอันตราย…เมื่อกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
อาการสำคัญของกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด คือ อาการเจ็บหน้าอกบริเวณกลางอกเหนือลิ้นปี่เล็กน้อย ลักษณะเจ็บแบบจุกแน่น เหมือนมีอะไรบีบรัดหรือของหนักทับหน้าอก มักจะเจ็บร้าวไปที่ไหล่ซ้าย แขนซ้าย ซึ่งมักจะมีอาการระหว่างออกกำลังกาย ทำงานออกแรงมากๆ หรือเวลาที่โกรธ เครียด ตื่นเต้น แต่พอหยุดออกแรงหรือหายจากอารมณ์นั้น อาการเจ็บหน้าอกก็จะเบาลง ซึ่งนี้เป็นอาการของหัวใจขาดเลือดชั่วขณะ แต่ถ้าหลอดเลือดแดงที่ไปเลี้ยงหัวใจอุดตันเลือดไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจไม่ได้เลย ทำให้มีกล้ามเนื้อหัวใจตายบางส่วน มักมีอาการเจ็บหน้าอกรุนแรง เจ็บนาน ญาติควรรีบพาส่งโรงพยาบาลเร็วที่สุด เพราะอาจมีภาวะช็อกและหัวใจวายร่วมด้วย
ตรวจเช็กอย่างไรว่ากล้ามเนื้อหัวใจกำลังขาดเลือด ?
เริ่มจากดูจากการซักประวัติ โรคประจำตัว ประวัติการรักษาและลักษณะของอาการเจ็บหน้าอก อาการเจ็บสัมพันธ์กับการออกแรงหรือความเครียดหรือไม่ เจ็บนานแค่ไหนและตรวจร่างกายทั่วไป ตรวจความดันโลหิตเพื่อพิจารณาความรุนแรงของโรค
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ขณะเดินออกกำลังกายบนสายพาน (Exercise Stress test) เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้าหัวใจ ขณะออกกำลังกาย เพราะเป็นช่วงที่หัวใจต้องการเลือดไปเลี้ยงมาก หากกล้ามเนื้อหัวใจตายก็จะมีการเปลี่ยนแปลงของคลื่นไฟฟ้า
การตรวจเลือด ค่าของสารเคมีในเลือดซึ่งจะบอกได้ว่า มีกล้ามเนื้อหัวใจตายหรือไม่ วิธีนี้จะสามารถวินิจฉัยความรุนแรงของโรคได้
การฉีดสีเข้าหลอดเลือดหัวใจ ทำให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้แน่นอนว่า หลอดเลือดหัวใจตีบหรือไม่ และมากน้อยแค่ไหน
วิธีการรักษากล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ที่มีมากกว่าหนึ่ง
ในการรักษา แพทย์จะพิจารณาจากหลายๆ ปัจจัยประกอบการตัดสินใจเลือกวิธีการรักษา โดยปัจจัยหลักที่แพทย์จะพิจารณาก็คือ ความรุนแรงของโรค พยาธิสภาพของหลอดเลือดหัวใจและอาการของผู้ป่วย ซึ่งวิธีการรักษามีทั้งการรักษาด้วยยา การใส่สายสวนหัวใจเพื่อขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน และการผ่าตัดทำบายพาสหลอดเลือดหัวใจ (Coronary Artery Bypass Grafting)
วิธีที่ 1: การรักษาด้วยยา
โดยแพทย์จะทำการให้ยาขยายหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ เช่น ไนโตรกลีเซอลีน (Nitroglycerine) อมใต้ลิ้นทันทีเมื่อเกิดอาการ หรือบางครั้งอาจให้ยาป้องกันลิ่มเลือด เช่น แอสไพริน รับประทานวันละครั้ง ในรายที่มีโรคประจำตัวที่เป็นต้นเหตุ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง แพทย์จะต้องให้ยาเพื่อรักษาโรคประจำตัวเหล่านี้ควบคู่กันไป
วิธีที่ 2: การใส่สายสวนหัวใจเพื่อขยายหลอดเลือด
แพทย์จะพิจารณาทำในกรณีที่หลอดเลือดหัวใจตีบรุนแรง มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย ที่ไม่สามารถรักษาด้วยยาได้ เป็นการขยายหลอดเลือดหัวใจด้วยบอลลูน เพื่อถ่างขยายหลอดเลือดหัวใจที่ตีบตัน ทำให้เลือดไหลผ่านไปเลี้ยงกล้ามเนื้อหัวใจได้สะดวก โดยการใส่สายสวนเล็กๆ ผ่านทางหลอดเลือดที่ขาหนีบ ที่ปลายสายสวนมีบอลลูนขนาดจิ๋วที่ยังแฟบอยู่ เมื่อเลื่อนบอลลูนไปจนถึงตำแหน่งของหลอดเลือดที่ตีบตันแล้ว แพทย์จะดันบอลลูนให้ขยายออก บอลลูนจะเบียดคราบหินปูนที่คราบไขมันเกาะผนังหลอดเลือดให้ยุบลงไป หลังจากนั้นแพทย์จะเอาบอลลูนออกมา แต่บางกรณีแพทย์อาจพิจารณาใส่ขดลวดเล็กๆ (Stent) คาไว้ในบริเวณที่หลอดเลือดตีบตัน เพื่อป้องกันการตีบของหลอดเลือดซ้ำอีก
วิธี 3: การผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ (Bypass)
การพิจารณาผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ จะทำในกรณีที่หลอดเลือดหัวใจตีบรุนแรง โดยแพทย์จะพิจารณาจากพยาธิสภาพของหลอดเลือดหัวใจและอาการของผู้ป่วยเป็นหลัก เป็นการผ่าตัดทำทางเบี่ยงข้ามเพิ่มหลอดเลือดใหม่เข้าไป ต่อข้ามตำแหน่งของหลอดเลือดที่ตีบตัน ทำให้เลือดสามารถไหลผ่านไปเลี้ยงหัวใจด้วยเส้นทางใหม่ ซึ่งโดยปกติจะต่อหลอดเลือดประมาณ 3-5 เส้น หลังผ่าตัดต้องรับประทานยาต่อเพื่อป้องกันการตีบซ้ำของหลอดเลือด
เอาหลอดเลือดใหม่มาจากไหน…เพื่อทำบายพาส
การเลือกหลอดเลือดมาทำบายพาส (Graft) แพทย์จะพิจารณาหลายปัจจัยประกอบ เช่น ความยืดหยุ่นและความหนาบางของผนังหลอดเลือด และสภาพร่างกายของผู้ป่วย ซึ่งส่วนใหญ่จะนิยมใช้หลอดเลือดแดงบริเวณหน้าอก และหลอดเลือดดำที่ขา
“การปฏิบัติตัว” เมื่อเป็นโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด
ผู้ป่วยควรทานยาตามคำสั่งแพทย์ อย่างเคร่งครัด และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นผัก ผลไม้ และหลีกเลี่ยงอาหารไขมันสูง และอาหารเค็มจัด หากงดพวกชา กาแฟ และบุหรี่ด้วยได้ก็จะดี อย่าลืมที่จะออกกำลังกายให้สม่ำเสมอ และพักผ่อนให้เพียงพอ
“ป้องกันตัวเองได้อย่างไร” ให้ห่างไกลกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด ?
เราสามารถป้องกันตัวเองได้ด้วยการเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ไขมันน้อย มีกากใยมากๆ เช่น ผัก ผลไม้ ปลา ควรออกกำลังกายสม่ำเสมออย่างน้อย สัปดาห์ละ 3 วัน ควบคุมน้ำหนัก งดอาหารหวานจัด หลีกเลี่ยงการสูบหรี่ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ รู้จักผ่อนคลายความเครียด ควรตรวจสุขภาพประจำปี หรือถ้าใครมีโรคประจำตัว ควรพบแพทย์และรับประทานยาตามคำสั่งแพทย์อย่างสม่ำเสมอ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง เป็นต้น และเมื่อไหร่ที่มีอาการเจ็บหน้าอด ก็ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที