แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 8
1
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (Guillain-Barre syndrome)

กลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร (กลุ่มอาการกีแยง-บาร์เร ก็เรียก) เป็นโรคที่มีภาวะผิดปกติของประสาทส่วนปลาย (peripheral nerves) หลายเส้นทั่วร่างกาย ทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการแขนขาอ่อนแรง เป็นอัมพาตแบบเฉียบพลัน ซึ่งมักพบหลังเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจหรือทางเดินอาหาร โดยไม่ทราบสาเหตุ 

โรคนี้นับว่าเป็นภาวะรุนแรง และอาจมีภาวะแทรกซ้อนเป็นอันตรายได้

พบได้ปีละประมาณ 1.2-3 คน ต่อประชากร 100,000 คน พบได้ในคนทุกวัย แต่จะพบบ่อยในกลุ่มอายุ 15-35 ปี และ 50-75 ปี และพบในผู้ชายมากกว่าผู้หญิงประมาณ 1.5 เท่า

สาเหตุ

เกิดจากปฏิกิริยาภูมิต้านตนเอง (autoimmune reaction) ต่อปลอกหุ้มเส้นประสาท (myelin sheath) ส่วนปลายหลายเส้นทั่วร่างกาย ทำให้เกิดอาการชาและกล้ามเนื้ออ่อนแรงที่แขนขาและส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย ซึ่งในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัด

ประมาณร้อยละ 60-70 ของผู้ป่วยมักเกิดหลังการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสนับเป็นสัปดาห์ ที่พบบ่อยคือหลังเป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินหายใจ รองลงมาคือ หลังเป็นโรคติดเชื้อของระบบทางเดินอาหาร 

เชื้อต้นเหตุที่พบบ่อย เช่น แคมไพโรแบกเตอร์เจจูนิ (Campylobacter jejuni)*, ไวรัสไซโตเมกาโล (cytomegalovirus), ไวรัสเอปสไตน์บาร์/อีบีวี (Epstein-Barr virus/EBV), ไวรัสไข้หวัดใหญ่, ไวรัสตับอักเสบ, ไวรัสโควิด19, ไวรัสชิคุนกุนยา, ไวรัสซิกา, เอชไอวี, เชื้อไมโคพลาสมานิวโมเนีย (Mycoplasma pneumonia)** เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีรายงานการพบผู้ป่วยโรคนี้หลังได้รับวัคซีนบางชนิด (วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า) หรือหลังได้รับการผ่าตัดบางอย่าง

*เชื้อชนิดนี้เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการท้องเดินจาก โรคอาหารเป็นพิษจากเชื้อโรค เนื่องจากผู้ป่วยติดเชื้อชนิดนี้จากการกินอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เนื้อสัตว์ เป็ดไก่ 
**เชื้อชนิดนี้เป็นแบคทีเรียชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุของ โรคปอดอักเสบ

อาการ

อาการมักเกิดหลังเป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ (เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ) หรือทางเดินอาหาร (ท้องเดิน อาหารเป็นพิษ) ประมาณ 2-4 สัปดาห์ โดยมีอาการชาที่ปลายนิ้วมือหรือนิ้วเท้า และกล้ามเนื้ออ่อนแรงของแขนหรือขา

ส่วนใหญ่จะเริ่มมีอาการที่ปลายเท้าและขา ทำให้เดินเซ หรือเดินไม่ได้ ขึ้นบันไดไม่ได้ บางรายอาจเริ่มมีอาการที่ใบหน้าหรือแขนก่อน แล้วต่อมา (นับเป็นชั่วโมง ๆ หรือเป็นวัน ๆ) ก็จะลุกลามไปที่ร่างกาย แขนขา และกล้ามเนื้อแทบทุกส่วน ซึ่งอาจกลายเป็นอัมพาตรุนแรงทั่วร่างกายได้

ผู้ป่วยอาจมีอาการกล้ามเนื้อตาและใบหน้าอ่อนแรง มีอาการกลอกตาไม่ได้ มองเห็นภาพซ้อน พูดอ้อแอ้ เคี้ยวและกลืนลำบากร่วมด้วย 

บางรายอาจมีอาการปวดมากตามร่างกาย (เช่น บริเวณไหปลาร้า สะบัก หลัง ก้น ต้นขา) จะปวดมากเวลาเคลื่อนไหวร่างกาย และอาการอาจเป็นมากขึ้นตอนกลางคืน

บางรายอาจมีความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้มีอาการชีพจรเต้นเร็วหรือช้ากว่าปกติ หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตสูง หรือความดันตกในท่ายืน (ลุกขึ้นยืนจะมีอาการหน้ามืด เป็นลม) กลั้นปัสสาวะและอุจจาระไม่ได้ เป็นต้น

หากเป็นรุนแรง อาจทำให้กล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต หยุดหายใจ หรือหัวใจวาย เป็นอันตรายถึงเสียชีวิตได้

โรคนี้มักมีอาการเปลี่ยนแปลงเร็ว อาการมักทรุดหนักได้ภายในไม่กี่วันหลังเริ่มมีอาการ และมักเป็นอยู่นานประมาณ 2-4 สัปดาห์


ภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรง ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตด้วยภาวะแทรกซ้อน เช่น ภาวะหายใจลำบาก (เนื่องจากกล้ามเนื้อควบคุมการหายใจเป็นอัมพาต) ภาวะหัวใจวาย โรคติดเชื้อ (ปอดอักเสบ ภาวะโลหิตเป็นพิษ) เป็นต้น

ในรายที่เป็นอัมพาต นอนติดเตียงนาน ๆ นอกจากทำให้เป็นแผลกดทับแล้ว ยังอาจเกิด ภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด ทำให้เกิดภาวะสิ่งหลุดอุดตันหลอดเลือดแดงปอดแทรกซ้อนเป็นอันตรายได้               

บางรายอาจกลายเป็นอัมพาตหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรงเรื้อรัง หรือมีอาการชาหรือเสียวของแขนขาเรื้อรัง


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย ซึ่งมักตรวจพบอาการกล้ามเนื้อแขนขาอ่อนแรงหรือเป็นอัมพาต เดินไม่ได้ พูดอ้อแอ้ เคี้ยวลำบาก กลืนลำบาก กลอกตาไม่ได้

เมื่อใช้ค้อนยางเคาะดูรีเฟลกซ์ของข้อเข่าและข้อเท้าพบว่าลดลงหรือไม่มีเลย

อาจตรวจพบชีพจรเต้นเร็วหรือช้ากว่าปกติ หรือเต้นไม่เป็นจังหวะ ความดันโลหิตสูง หรือพบภาวะความดันตกในท่ายืน

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัด ด้วยการตรวจพิเศษ เช่น การเจาะหลัง (lumbar puncture) การตรวจคลื่นไฟฟ้ากล้ามเนื้อ (electromyography/EMG) การตรวจการชักนำประสาท (nerve conduction study) การตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด เป็นต้น


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะรับผู้ป่วยไว้รักษาในโรงพยาบาลทุกราย แม้บางรายในช่วงแรกอาการจะดูเหมือนไม่หนัก แต่เนื่องจากโรคนี้อาจมีอาการรุนแรงขึ้นในเวลาต่อมาไม่นานได้ จึงต้องเฝ้าสังเกตอาการอย่างใกล้ชิด 

แพทย์จะให้การรักษาตามอาการและแก้ไขภาวะแทรกซ้อน เช่น ให้ยาแก้ปวด ยาปฏิชีวนะรักษาโรคติดเชื้อ (เช่น ปอดอักเสบ ทางเดินปัสสาวะอักเสบ) สารกันเลือดเป็นลิ่ม (anticoagulant สำหรับผู้ที่นอนติดเตียง เพื่อป้องกันการเกิดภาวะหลอดเลือดดำส่วนลึกมีลิ่มเลือด) การทำกายภาพบำบัด เป็นต้น

ในรายที่กล้ามเนื้อหายใจเป็นอัมพาต หายใจลำบาก แพทย์จำเป็นต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ 

บางราย อาจต้องทำการถ่ายพลาสมา (plasmapheresis) หรือฉีดอิมมูนโกลบูลินเข้าหลอดเลือดดำ เพื่อกำจัดสารภูมิต้านทานที่เป็นตัวก่อโรค

ผลการรักษา ขึ้นกับความรุนแรงของโรค สภาพร่างกายของผู้ป่วย การได้รับการรักษาเร็วหรือช้า

ผู้สูงอายุ ผู้ที่มีอาการทรุดลงเร็ว ผู้ที่ได้รับการรักษาช้า และผู้ที่ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจนาน มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงหรือเสียชีวิตสูง   

ผู้ป่วยส่วนใหญ่อาการจะดีขึ้นภายใน 2-4 สัปดาห์ แต่อาจต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรงเป็นปกตินาน 6-12 เดือน บางรายอาจนานเป็นแรมปี

บางรายอาการอาจไม่หายขาด และมีความพิการอย่างถาวร

บางรายหลังจากอาการทุเลาดีนานเป็นแรมเดือนแรมปีแล้ว อาจมีอาการชาและกล้ามเนื้ออ่อนแรงกำเริบซ้ำในเวลาต่อมาได้

สำหรับเด็กและคนอายุน้อย มักจะฟื้นตัวได้ดีกว่าคนอายุมาก


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการชาที่นิ้วมือหรือนิ้วเท้า แขนหรือขาอ่อนแรง เดินลำบาก พูด เคี้ยวหรือกลืนลำบาก ซึ่งเกิดขึ้นเฉียบพลัน ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นกลุ่มอาการกิลแลง-บาร์เร ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    สงสัยอาการกำเริบหรือมีภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น มีอาการไข้ ชาตามนิ้วมือหรือนิ้วเท้า แขนขาอ่อนแรง เป็นต้น
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคนี้


ข้อแนะนำ

1. หลังจากหายจากโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ (เช่น ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ ปอดอักเสบ) หรือทางเดินอาหาร (เช่น ท้องเดิน อาหารเป็นพิษ) หากมีอาการสงสัยว่าจะเป็นโรคนี้ เช่น มีอาการชาที่นิ้วมือหรือนิ้วเท้า แขนหรือขาอ่อนแรง ควรไปพบแพทย์โดยเร็ว เนื่องจากแม้ระยะแรกอาการดูไม่รุนแรง แต่อาการจะทรุดหนักตามมาจนเป็นอัมพาตทั้งตัวได้ภายในไม่กี่วัน และเป็นอันตรายร้ายแรงได้

2. การไปปรึกษาแพทย์และได้รับการรักษาที่ถูกต้องแต่เนิ่น ๆ มีส่วนช่วยให้การรักษาได้ผลดี และลดการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงได้

3. ผู้ที่เป็นโรคนี้อาจต้องอยู่รักษาที่โรงพยาบาลนาน และเมื่อออกจากโรงพยาบาลแล้วใช้เวลานานเป็นแรมเดือนแรมปีในการฟื้นฟูร่างกายให้หายเป็นปกติ ผู้ป่วยควรเรียนรู้ให้เข้าใจธรรมชาติของโรคและวิธีดูแลรักษา ควรปฏิบัติตัวและติดตามรักษากับแพทย์และทีมงานอย่างจริงจังและต่อเนื่อง

2
motor show: Toyota จัดแคมเปญฉลองยอดขายอันดับ 1 รถเอสยูวีไฮบริดด้วยแคมเปญ "โตโยต้า No.1 HEV SUV ใครๆ ก็ครอส"

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ประกาศความสำเร็จด้านยอดขายอันดับหนึ่ง รถเอสยูวี เครื่องยนต์ไฮบริด ในตลาดรถยนต์ประเทศไทย ด้วยยอดขายรวมมากกว่า 38,700 คัน* โดยเป็นยอดสะสมรวมของ Toyota HEV SUV ยอดนิยม 2 รุ่น คือ โคโรลล่า ครอส และ ยาริส ครอส ที่ครองส่วนแบ่งทางการตลาด xEV มากกว่า 24% พร้อมแนะนำแคมเปญการสื่อสารใหม่ โตโยต้า No.1 HEV SUV ใครๆ ก็ครอส (*ยอดขายรวมระหว่างเดือนมกราคม –  กันยายน พ.ศ. 2567)

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านยนตรกรรมไฮบริดภายใต้คอนเซปต์ TOYOTA TRUSTED HYBRID กับเทคโนโลยีไฮบริดของโตโยต้าที่สร้างชื่อเสียงและความไว้วางใจในประเทศไทย ผสานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์อย่างลงตัว มอบสมรรถนะการขับขี่ยอดเยี่ยม เพิ่มประสิทธิภาพการประหยัดเชื้อเพลิง และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญ ยังมอบความสบายใจตลอดการใช้งาน ด้วยบริการหลังการขายที่ได้มาตรฐาน และทีมช่างผู้ชำนาญการด้านระบบไฮบริดของโตโยต้ากว่า 8,000 คน ที่ผ่านการฝึกอบรมจากศูนย์การศึกษาและฝึกอบรมโตโยต้า พร้อมอุปกรณ์การซ่อมรถยนต์ไฮบริดที่ได้มาตรฐาน และความพร้อมด้านอะไหล่ ควบคู่ไปกับระบบการจัดเตรียมชิ้นส่วน ที่มีรองรับนานกว่า 15 ปี และสามารถจัดส่งได้ภายใน 48 ชั่วโมง จากเครือข่ายศูนย์บริการที่ได้มาตรฐานและครบวงจรกว่า 450 แห่งทั่วประเทศ ซึ่งนำมาสู่แคมเปญการสื่อสารใหม่ โตโยต้า No.1 HEV SUV ใครๆ ก็ครอส

โตโยต้าป็นผู้บุกเบิกตลาดยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) เป็นแบรนด์แรกของประเทศไทย ด้วยการเริ่มผลิตและแนะนำ โตโยต้า คัมรี รุ่นเครื่องยนต์ไฮบริด เป็นครั้งแรก ในปีพ.ศ. 2552 จากนั้นเป็นต้นมา ได้พัฒนายนตรกรรมไฮบริดให้ดียิ่งขึ้นอีกหลายรุ่น ครอบคลุมหลายเซกเมนต์และระดับราคา ไม่ว่าจะเป็นเซกเมนต์รถซีดาน ในรุ่นคัมรี และ โคโรลล่า อัลติส รถอเนกประสงค์เอสยูวี กับโคโรลล่า ครอส และยาริส ครอส รวมทั้งรถครอบครัว 7 ที่นั่งประเภท  MPV ในรุ่นอินโนว่า ซีนิกซ์ และรถตู้มินิแวนระดับหรู รุ่นอัลฟาร์ด เวลไฟร์ เพื่อมุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่หลากหลายในรถประเภทนี้ โดยรถยนต์ไฮบริดทุกรุ่นของโตโยต้า มาพร้อมการรับประกันอายุการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี และรับประกันระบบไฮบริดทั้งระบบ 5 ปี
 
นายศุภกร รัตนวราหะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า“ยอดขายกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) ระหว่างเดือนมกราคม - กันยายน 2567 มียอดขายทั้งหมด 156,191 คัน คิดเป็นสัดส่วน 36% ของตลาดรถยนต์ทั้งหมด เติบโตขึ้น 27% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่รถยนต์ HEV ยังคงได้รับความนิยม โดยมียอดขายสะสมอยู่ที่ 92,589 คัน เติบโตขึ้น 52% คิดเป็นสัดส่วน 59% ของตลาด xEV และรถยนต์ BEV มียอดขาย 56,496 คัน เพิ่มขึ้น 8% คิดเป็นสัดส่วน 36% ของตลาด xEV จากตัวเลขดังกล่าวชี้ให้เห็นถึงความนิยมและการให้การยอมรับจากลูกค้าชาวไทยที่มีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องสำหรับ HEV

และปีนี้ โตโยต้าครองความเป็นผู้นำด้านยอดขายในตลาด xEV ด้วยยอดขาย HEV สูงที่สุดในประเทศไทย กับส่วนแบ่งทางการตลาดมากกว่า 27% ที่สำคัญยังสร้างยอดขายอันดับหนึ่งของโตโยต้าในกลุ่มไฮบริดเอสยูวี ด้วยยอดขายสะสมรวมเดือนมกราคม – กันยายน พ.ศ. 2567 มากกว่า 38,700 คัน ครองส่วนแบ่งทางการตลาด xEV มากกว่า 24% ประกอบด้วยรถ 2 รุ่นที่ขับเคลื่อนความสำเร็จในเซกเมนต์ xEV นั่นคือ ยอดขาย ของโคโรลล่า ครอส 11,137 คัน และยอดขายของยาริส ครอส 27,623 คัน โตโยต้าจึงขอขอบพระคุณลูกค้าทุกท่าน ที่ให้การสนับสนุน และมั่นใจในรถโตโยต้าที่ตอบโจทย์ได้ทุกไลฟ์สไตล์ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัว (Team Corolla Cross) หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ (Team Yaris Cross)
 
ทั้งนี้ ผู้ที่สนใจเป็นเจ้าของโตโยต้าโคโรลล่า ครอส และยาริส ครอส สามารถรับข้อเสนอพิเศษได้ที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าทั่วประเทศ นอกจากนี้ เรายังมีแคมเปญพิเศษส่งท้ายปี กับ TOYOTA CARNIWOW เทศกาลออกรถสุดว้าว เพียงลูกค้าจองและออกรถยนต์โตโยต้า ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 67 - 31 ธ.ค. 67 รับ WOW ทันที 2 ต่อ!! ทั้ง WOW ที่ 1 ส่วนลดสูงสุด 50,000 บาท หรือส่วนลดดอกเบี้ยสูงสุด 1.5% เมื่อจองรถโตโยต้า และ WOW ที่ 2 รับรถแล้ว ลุ้นรับของรางวัลรวม 555 รางวัล ซึ่งของรางวัลมีทั้ง ทองคำแท่ง 30 บาท, iPhone 16 Pro  ทองคำแท่ง 30 บาท และ Central Shopping Voucher มูลค่า 2,000 บาท มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า  231 ล้านบาท”

ข้อเสนอสุดพิเศษ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 31 ธันวาคม 2567 ข้อเสนอเดียวกับ Motor Expo
เจ้าของรถยนต์โตโยต้า รับดอกเบี้ย 0.89%*, ฟรีประกันภัยชั้น 1 Toyota Care PHYD*
พร้อมรับข้อเสนอพิเศษขยายระยะเวลาการคุ้มครอง เมื่อเข้าเช็กระยะตามกำหนด จากโปรแกรม Toyota Connected Frequent Service Reward Plus (TCFR Plus+)
รับสิทธิ์ ขยายระยะรับประกันคุณภาพรถยนต์สูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม.
รับสิทธิ์ ขยายระยะรับประกันคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์และ ระบบส่งกำลังสูงสุด 8 ปี หรือ 225,000 กม.
สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริด ขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี พร้อม รับประกันระบบไฮบริด 5 ปี
* เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขและสถาบันการเงินที่ร่วมรายการที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าใกล้บ้านท่าน หรือศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าโตโยต้า 1486 บริการด้วย Voice Bot 24 ชม. ทุกวัน บริการข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต

ข้อเสนอสุดพิเศษ ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2567 – 31 ธันวาคม 2567 ข้อเสนอเดียวกับ Motor Expo
ทางเลือกที่ 1 : ดอกเบี้ยพิเศษเริ่มต้น 1.69% (ดาวน์ 25%,48 เดือน) หรือ เลือกรับส่วนลดดอกเบี้ยพิเศษ สูงสุด 0.50%
ทางเลือกที่ 2 : ผ่อนเริ่มต้นเพียง 7,984 บาท
พร้อมรับข้อเสนอพิเศษขยายระยะเวลาการคุ้มครอง เมื่อเข้าเช็กระยะตามกำหนด จากโปรแกรม Toyota Connected Frequent Service Reward Plus (TCFR Plus+)
รับสิทธิ์ ขยายระยะรับประกันคุณภาพรถยนต์สูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม.
รับสิทธิ์ ขยายระยะรับประกันคุณภาพสำหรับเครื่องยนต์และ ระบบส่งกำลังสูงสุด 8 ปี หรือ 225,000 กม.
สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริด ขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี พร้อม รับประกันระบบไฮบริด 5 ปี 
* เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขและสถาบันการเงินที่ร่วมรายการที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าใกล้บ้านท่าน หรือศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าโตโยต้า 1486 บริการด้วย Voice Bot 24 ชม. ทุกวัน
 
และ WOW สุดๆ กับข้อเสนอสุด WOW ท้ายปี ซื้อรถโตโยต้าช่วงไหนก็ไม่ WOW เท่าช่วงนี้ กับ TOYOTA CARNIWOW เทศกาลออกรถสุดว้าว จองและออกรถยนต์โตโยต้า รับ WOW ทันที 2 ต่อ!!
WOW ที่ 1 จองรถโตโยต้า พร้อมสแกน QR Code ก็รับไปเลย ส่วนลดสูงสุด 50,000 บาท หรือส่วนลดดอกเบี้ยสูงสุด 1.5%
WOW ที่ 2 รับรถแล้ว ลุ้นรับของรางวัลรวม 555 รางวัล!!
รางวัลที่ 1 ทองคำแท่ง 30 บาท
รางวัลที่ 2 ทองคำแท่ง 5 บาท
รางวัลที่ 3 iPhone 16 Pro (128 GB)
รางวัลที่ 4 Central Shopping Voucher มูลค่า 2,000 บาท
TOYOTA CARNIWOW ว้าว 2 ต่อ ส่งท้ายปี แจกรวมกว่า 231 ล้านบาท ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 67 - 31 ธ.ค. 67
* เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขและสถาบันการเงินที่ร่วมรายการที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าใกล้บ้านท่าน หรือศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าโตโยต้า 1486 บริการด้วย Voice Bot 24 ชม. ทุกวัน

3
รู้ทัน…ป้องกัน โรคปอดอักเสบ

โรคปอดอักเสบ (pneumonitis) หรือที่เรียกว่า “ปอดบวม” เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจ ซึ่งเกิดได้จากเชื้อแบคทีเรีย, เชื้อไวรัส, และเชื้อรา ทำให้เกิดการอักเสบของเนื้อปอด พบได้บ่อยในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีภาวะภูมิต้านทานต่ำ ระดับความรุนแรงและการมีภาวะแทรกซ้อนจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับชนิดของเชื้อโรคที่ทำให้เกิดการติดเชื้อ อายุ และสุขภาพของผู้ป่วย ซึ่งบางครั้งการติดเชื้ออาจรุนแรงและทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้ ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงจึงควรได้รับการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคไว้ก่อน


การวินิจฉัย

การซักประวัติ สอบถามอาการโดยเฉพาะอาการไอแบบมีเสมหะ มีไข้ และหายใจหอบ ร่วมกับการตรวจร่างกาย เช่น ฟังเสียงปอด และเอกซเรย์ปอด นอกจากนี้ ยังมีการตรวจเพิ่มเติมทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันการวินิจฉัยโรคและแยกเชื้อที่เป็นสาเหตุ ได้แก่

    ตรวจนับเม็ดเลือดขาวในเลือด เพื่อดูว่ามีการติดเชื้อหรือไม่
    ตรวจวัดออกซิเจนในเลือด เพื่อดูประสิทธิภาพของปอดในการลำเลียงออกซิเจนเข้าสู่กระแสเลือด
    ตรวจและเพาะเชื้อจากเสมหะและเลือด เพื่อหาชนิดของเชื้อที่เป็นสาเหตุของโรค

ใครบ้างเสี่ยงเป็น ?

โรคปอดอักเสบสามารถเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย แต่ในกรณีของปอดอักเสบจากการติดเชื้อ มักพบบ่อยในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ และผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ ยังพบได้ในผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงดังนี้ คือ

    ผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยเฉพาะในแผนกผู้ป่วยหนัก (ICU)
    ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหัวใจ
    ผู้ที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ติดเชื้อ HIV, ผู้ป่วยโรคเอดส์, ผู้ที่ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยมะเร็งระหว่างการให้เคมีบำบัด หรือได้รับยากดภูมิคุ้มกันเป็นเวลานาน
    ผู้ที่สูบบุหรี่

การติดต่อ

    การไอ จาม หรือหายใจรดกัน
    การสำลัก เช่น สำลักน้ำลาย อาหาร หรือสารคัดหลั่งในทางเดินอาหาร
    การแพร่กระจายของเชื้อตามกระแสโลหิต
    การลุกลามจากการติดเชื้อที่อวัยวะข้างเคียงปอด
    การทำหัตถการบางอย่างในโรงพยาบาล ที่มีการปนเปื้อนหรือไม่ได้ทำความสะอาด


อาการของโรคปอดอักเสบ

    มีไข้สูง ตัวร้อน หน้าแดง เหงื่อออก หนาวสั่น
    ไอมีเสมหะ
    เจ็บหน้าอก
    หายใจเร็ว หายใจลำบาก หอบเหนื่อย
    คลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย
    อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตัว ปวดตามข้อ
    ผู้สูงอายุอาจมีอาการซึม รู้สึกสับสน และไม่มีไข้
    ในทารกหรือเด็กเล็กอาจมีอาการปวดท้อง ท้องอืด อาเจียน ซึม ไม่ดูดนมหรือน้ำ บางรายอาจมีอาการชักจากไข้


การรักษาโรคปอดอักเสบ

การรักษาโรคปอดอักเสบจากการติดเชื้อ เป็นการรักษาการติดเชื้อร่วมกับการป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น โดยทางเลือกในการรักษาประกอบด้วย

    การให้ยาปฏิชีวนะ ในกรณีของการติดเชื้อแบคทีเรีย ปัจจุบันพบว่าการใช้ยาปฏิชีวนะอย่างแพร่หลายอาจทำให้เชื้อบางชนิด เช่น Streptococcus pneumoniae มีการดื้อยาเพิ่มมากขึ้น
    การรักษาแบบประคับประคองตามอาการ สำหรับผู้ป่วยโรคปอดอักเสบจากเชื้อไวรัส และเชื้ออื่น ๆ แพทย์อาจพิจารณาให้ยาลดไข้ ยาขยายหลอดลม ยาละลายเสมหะ ในรายที่มีอาการรุนแรงอาจจำเป็นต้องให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ให้ออกซิเจน และทำกายภาพบำบัดทรวงอก เป็นต้น
    การรักษาภาวะแทรกซ้อน โดยภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยได้แก่ เชื้อแบคทีเรียแพร่กระจายจากปอดเข้าสู่กระแสเลือดทำให้อวัยวะอื่น ๆ ติดเชื้อไปด้วย บางรายอาจพบฝีในปอด หรือภาวะมีน้ำในโพรงเยื่อหุ้มปอด


ข้อปฏิบัติตัวง่าย ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดโรคปอดอักเสบ

    ไม่สูบบุหรี่ เนื่องจากบุหรี่จะไปทำลายกระบวนการป้องกันการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจตามธรรมชาติของปอด
    ดูแลสุขอนามัยส่วนตัว เช่น หมั่นล้างมือเป็นประจำ และหลีกเลี่ยงการไปอยู่ในที่ที่มีผู้คนหนาแน่น
    หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ ควันไฟ ควันจากท่อไอเสียรถยนต์ หรืออากาศที่หนาวเย็น
    เมื่อเป็นหวัด หรือไข้หวัดใหญ่อย่าปล่อยทิ้งไว้ ควรรักษาให้หายขาดแต่เนิ่น ๆ
    สร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    ไม่ดื่มสุรามากจนมึนเมาเพราะอาจสำลักเอาเชื้อโรคจากปากเข้าปอด


ใครบ้างที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคปอดอักเสบ

    ผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 65 ปี
    ผู้มีอายุตั้งแต่ 2-65 ปี
        ที่มีภูมิคุ้มกันผิดปกติ จากยาเช่น สเตียรอยด์, ยากดภูมิ, ยาต้านมะเร็งบางชนิด, ได้รับการฉายรังสี หรือเป็นจากตัวโรคเองเช่น โรคไตวาย, มะเร็ง, ไม่มีม้ามหรือม้ามไม่ทำงาน, ได้รับการปลูกถ่ายอวัยวะหรือไขกระดูก, ติดเชื้อ HIV
        มีปัญหาโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคปอด, โรคหัวใจ เบาหวาน, ตับแข็ง, พิษสุราเรื้อรัง, สภาวะที่มีการรั่วของน้ำไขสันหลัง, ได้รับการปลูกถ่าย cochlear
    ผู้มีอายุระหว่าง 19-64 ปี ที่สูบบุหรี่ หรือเป็นโรคหืด

วัคซีนนอกจากจะช่วยป้องกันโรคปอดอักเสบแล้วยังช่วยลดความรุนแรงของโรค หากพบการติดเชื้อขึ้นในภายหลัง

4
tokyo motor show New Toyota Corolla Altis ปรับปรุงใหม่ นำโดย HEV GR Sport สปอร์ตเร้าใจยิ่งขึ้นด้วยการตกแต่งสไตล์ TOYOTA GAZOO Racing รวมถึงแนะนำทางเลือกสีภายนอกใหม่ในทุกรุ่นย่อย

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด แนะนำ NEW COROLLA ALTIS ออกแบบใหม่ในรุ่น HEV GR SPORT สปอร์ตเร้าใจยิ่งขึ้น ด้วยดีไซน์ทั้งภายนอก และภายในที่ตกแต่งสไตล์ TOYOTA GAZOO Racing โดดเด่นด้วยสมรรถนะการขับขี่ที่ดีเยี่ยม มั่นใจได้ในขุมพลังไฮบริด แบตเตอรี่ไฮบริดใหม่ แบบ Lithium-ion ตอกย้ำแนวคิด TOYOTA TRUSTED HEV ประหยัดน้ำมัน ศูนย์บริการและช่างผู้เชี่ยวชาญที่ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงแนะนำทางเลือกสีภายนอกใหม่ในทุกรุ่นย่อย พร้อมส่งมอบความคุ้มค่าคุ้มราคาให้กับลูกค้า ตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายน 2567 นี้ เป็นต้นไป

บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ส่ง NEW COROLLA ALTIS รถยนต์นั่งยอดนิยมของคนไทย ที่มาพร้อมความคุ้มค่า และโดดเด่นด้าน QDR ได้แก่ Quality คุณภาพ, Durability ความทนทาน และ Reliability ความน่าเชื่อถือ ด้านสมรรถนะการขับขี่ เหนือกว่าด้วย Toyota New Global Architecture หรือ TNGA ทนทานต่อแรงบิดได้เป็นอย่างดี แข็งแกร่ง และมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ตอบสนองแม่นยำ ทำให้มีการทรงตัวที่ยอดเยี่ยม สามารถควบคุมรถได้ดั่งใจ และมอบทัศนวิสัยดีเยี่ยม โดย NEW COROLLA ALTIS ยังคงโดดเด่นด้วยอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่ครบครัน สามารถตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อล้ำสมัยอย่างแอปพลิเคชัน T-CONNECT และมั่นใจได้สูงสุดด้วยมาตรฐานความปลอดภัยระดับโลก

NEW COROLLA ALTIS นำโดยรุ่น HEV GR SPORT ที่ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านรถยนต์ไฮบริดที่สร้างชื่อเสียงและความไว้วางใจในประเทศไทยกับเทคโนโลยีไฮบริดของโตโยต้า ด้วยแนวคิด "TOYOTA TRUSTED HEV" ที่ผสานระหว่างมอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์อย่างลงตัว ประหยัดยิ่งกว่าเคยด้วยอัตราการใช้น้ำมัน 23.8 กิโลเมตร/ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker) ออกแบบสะท้อนจิตวิญญาณมอเตอร์สปอร์ต ภายนอกดีไซน์สไตล์ GR ทั้งกระจังหน้า, สปอยเลอร์หลังสีดำเงา, ล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 นิ้ว, ไฟท้าย Full LED แบบ Clear Lens มาพร้อมทางเลือกสีภายนอกใหม่ Platinum White Pearl with Black Roof และ Red Mica Metallic with Black Roof ภายในตกแต่งพิเศษ มอบอารมณ์สปอร์ต ด้วยการตกแต่งด้ายสีแดงบริเวณเบาะนั่ง และมีการตกแต่งสัญลักษณ์ GR ตามจุดต่างๆ รวมทั้งมีการปรับจูนเพื่อให้ตัวรถมีสมรรถนะการขับขี่ที่เร้าใจยิ่งขึ้น ทั้งพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า, Shock Absorber, Coil Spring และ Rear Stabilizer Bar โดย NEW COROLLA ALTIS อีก 3 รุ่นย่อย ยังมาพร้อมกับสีภายนอกใหม่ คือสีเทา Cement Gray Metallic

เร้าใจสไตล์ GAZOO Racing ทั้งดีไซน์ และสมรรถนะด้วย NEW COROLLA ALTIS รุ่น HEV GR SPORT เครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตร ที่สะท้อนจิตวิญญาณมอเตอร์สปอร์ต ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ GR ผสานความสปอร์ตกับเทคโนโลยีที่ทันสมัย

ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ไฮบริดขนาด 1.8 ลิตร แบตเตอรี่ไฮบริดแบบ Lithium-ion พร้อมการปรับแต่งสมรรถนะสำหรับรุ่นนี้โดยเฉพาะ ทั้งพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้าและพาร์ทช่วงล่าง พร้อมทางเลือกสีภายนอกใหม่ 2 สี

การออกแบบใหม่ เฉพาะรุ่น GR SPORT จะมี กันชนหน้าและกระจังหน้าสีดำเงา ใหม่, หลังคาสีดำเงา ใหม่, สปอยเลอร์หลังสีดำเงา ใหม่, ล้ออัลลอยสีดำขนาด 17 นิ้ว ใหม่ และ ไฟท้าย Full LED แบบ Clear Lens ใหม่

ภายในมีการเพิ่มความสปอร์ตในหลาย ๆ จุด อาทิ เบาะนั่งคู่หน้าทรงสปอร์ต หนัง Suede แบบเจาะรูและหนังสังเคราะห์ เดินด้ายสีแดง พร้อมสัญลักษณ์ GR ปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง และ Lumbar Support แบบไฟฟ้า ใหม่, เข็มขัดนิรภัยสีแดงสไตล์ GR SPORT ใหม่


ภายในเดินด้ายสีแดง ตกแต่งสีแดงและสีเงิน Smoked Silver ใหม่, พวงมาลัยตกแต่งสัญลักษณ์ GR ใหม่, ปุ่ม Push Start และ Smart Key ตกแต่งสัญลักษณ์ GR

สมรรถนะโดดเด่น มั่นใจ ปรับแต่งพิเศษ เฉพาะรุ่น GR SPORT ด้วย Electric Power Steering พวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า ปรับแต่งเฉพาะรุ่น GR SPORT ใหม่, Shock Absorber ดูดซับแรงสั่นสะเทือนให้การขับขี่มั่นใจได้มากยิ่งขึ้น, Coil Spring คอยล์สปริงปรับแต่งโดยเฉพาะเพื่อการขับขี่ที่มั่นคงและนุ่มนวลและRear Stabilizer Bar ลดอาการโคลงขณะเข้าโค้ง ยึดเกาะถนนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังมาพร้อม แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ใหม่, สัญลักษณ์ TOYOTA HEV ใหม่

นอกจากนี้ HEV GR SPORT ยังมี ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Light Guiding, จอแสดงผลข้อมูลผู้ขับขี่ TFT ขนาด 12.3 นิ้ว, หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay  และ  Android Auto แบบไร้สาย, หน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบสีบนกระจกหน้ารถ HUD (Head Up Display), อุปกรณ์ชาร์จไฟแบบไร้สา

ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบปรับอุณหภูมิแยกอิสระซ้าย-ขวา, nanoeX ระบบกรองอากาศภายในห้องโดยสารช่วยขจัดกลิ่นและยับยั้งเชื้อโรค,
Smart Entry ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ สำหรับผู้ขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และห้องเก็บสัมภาระท้ายรถ, เทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)

NEW COROLLA ALTIS รุ่น HEV PREMIUM มั่นใจสูงสุด ด้วยเครื่องยนต์ไฮบริด 1.8 ลิตรจากโตโยต้า ประหยัดน้ำมันดีเยี่ยม ด้วยอัตราการใช้น้ำมัน 23.8 กม./ลิตร (อ้างอิงจาก Eco Sticker) ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ E-CVT

ทำงานร่วมกับช่วงล่าง TNGA จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ทรงตัวและเข้าโค้งได้ดียิ่งขึ้น ช่วงล่างหลังอิสระแบบ Double Wishbone ให้ความนุ่มนวลในการขับขี่ เกาะถนนดีเยี่ยม นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีและสิ่งอำนวยความสะดวกแบบจัดเต็ม และระบบความปลอดภัยระดับโลก Toyota Safety Sense พร้อมสีภายนอกใหม่ สีเทา Cement Gray Metallic ใหม่ แบตเตอรี่แบบ Lithium-ion ใหม่, สัญลักษณ์ TOYOTA HEV ใหม่

อีกทางเลือกในการขับขี่ด้วย 1.8 Sport กับเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.8 ลิตร ให้กำลังส่งสูงถึง 140  แรงม้า ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ Super CVT-i 7 สปีด พร้อม Sequential Shift ทำงานร่วมกับช่วงล่าง TNGA ที่มาพร้อมกับจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ช่วงล่างหลังอิสระแบบ Double Wishbone ตอบสนองได้อย่างแม่นยำ ควบคุมง่าย ระบบความปลอดภัยระดับโลก Toyota Safety Sense และตัวเลือกสีภายนอกใหม่ สีเทา Cement Gray Metallic

ภายนอกของ  HEV PREMIUM มากับกระจังหน้าดีไซน์ Polygon, ไฟหน้า LED โปรเจคเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างเวลากลางวันแบบ LED Light Guidingและไฟตัดหมอกหน้า LED พร้อมคิ้วโครเมียม, ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ส่วน 1.8 Sport จะเป็นกระจังหน้าดีไซน์ Polygon และไฟตัดหมอกหน้า LED พร้อมคิ้วโครเมียม โดยทั้งคู่จะได้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว


1.8 Sport

ส่วนภายในของทั้ง 2 รุ่นมีความแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็จะได้หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย, ระบบควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติ ได้ถึง 0 กม./ชม. (All Speed Dynamic Radar Cruise Control), ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติ และระบบเบรกมือไฟฟ้า

ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ในกล่องเก็บของคอนโซลกลาง 1 ตำแหน่งและด้านหลัง 2 ตำแหน่ง, เบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์, เบาะนั่งด้านคนขับ ปรับไฟฟ้า  8 ทิศทาง พร้อม Lumbar Support แบบไฟฟ้า, เบาะนั่งด้านหลังแบบแยกพับได้ 60:40 พร้อมที่วางแขน และที่วางแก้วน้ำ, Smart Entry ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ สำหรับผู้ขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และห้องเก็บสัมภาระตอนท้าย, เทคโนโลยีความปลอดภัย Toyota Safety Sense และระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM (Blind Spot Monitor)
 
NEW COROLLA ALTIS รุ่น 1.6G คุ้มค่า สเปกครบครัน ประหยัดน้ำมันด้วย เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.6 ลิตร หน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย เบาะนั่ง สะดวกสบาย กว้างขวาง เพิ่มความยืดหยุ่นของพื้นที่เก็บสัมภาระด้วยเบาะนั่งด้านหลังพับได้แบบ 60:40 พร้อมที่วางแขน และที่วางแก้วน้ำ และระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง ทั้งยังปลอดภัยยิ่งขึ้น ด้วยสัญญาณเตือนกะระยะ และจอมองภาพขณะถอยหลัง มาพร้อมตัวเลือกสีภายนอกใหม่สีเทา Cement Gray Metallic


และสเปกที่คุ้มค่า เป็นเจ้าของได้ในราคาที่เข้าถึงง่าย ภายนอกมากับกระจังหน้าสีดำสไตล์สปอร์ต, ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ส่วนภายในมากับหน้าจอสัมผัสขนาด 9 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย, ช่องต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ในกล่องเก็บของคอนโซลกลาง 1 ตำแหน่งและด้านหลัง 2 ตำแหน่ง, ช่องปรับอากาศสำหรับที่นั่งด้านหลัง

กับเบาะนั่งด้านหลังแบบแยกพับได้ 60:40, กล้องมองภาพขณะถอยหลัง และสัญญาณเตือนกะระยะท้ายรถ และ  Smart Entry ระบบเปิดประตูอัจฉริยะ สำหรับผู้ขับ ผู้โดยสารตอนหน้า และห้องเก็บสัมภาระตอนท้าย 

เลือกเป็นเจ้าของ NEW COROLLA ALTIS
รุ่น HEV GR SPORT ราคา 1,129,000 บาท
รุ่น HEV PREMIUM ราคา 1,009,000 บาท
รุ่น 1.8 SPORT ราคา 979,000 บาท
รุ่น 1.6G ราคา 894,000 บาท

สำหรับสีภายนอกพิเศษ เฉพาะรุ่น HEV GR SPORT จะมี 3 สีให้เลือก ได้แก่ สีขาว Platinum White Pearl with Black Roof ใหม่ (ราคาเพิ่ม 15,000 บาท), สีแดง Red Mica Metallic with Black Roof ใหม่ (ราคาเพิ่ม 10,000 บาท) และ สีดำ Attitude Black Mica ส่วนสีภายนอก รุ่น HEV PREMIUM, 1.8 SPORT และ 1.6G จะมี 5 สีให้เลือกได้แก่ สีเทา Cement Gray Metallic ใหม่ (ราคาเพิ่ม 10,000 บาท), สีขาวมุก Platinum White Pearl (ราคาเพิ่ม 10,000 บาท), สีเงิน Metal Stream Metallic, สีเทา Celestite Gray Metallic และ สีดำ Attitude Black Mica

พิเศษสุด ตัดสินใจเป็นเจ้าของ NEW COROLLA ALTIS ทั้ง 4 รุ่น ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 รับข้อเสนอสุดพิเศษ ดอกเบี้ย 1.65% (คำนวณที่ดาวน์ 25% ขึ้นไป นาน 48 เดือน สำหรับผู้ซื้อ ที่ผ่านการอนุมัติโตโยต้าลีสซิ่ง) และฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง PHYD*
สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริด ขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ไฮบริด 10 ปี พร้อม รับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง (รุ่น HEV GR SPORT และรุ่น HEV PREMIUM)
รับข้อเสนอพิเศษขยายระยะเวลาการคุ้มครอง (มูลค่า 30,000 บาท) ขยายระยะรับประกันสูงสุด 5 ปี หรือ 150,000 กม. เมื่อเข้าเช็กระยะตามกำหนด จาก TCFR Plus+
พิเศษอีกสองต่อ กับ TOYOTA CARNIWOW "เทศกาลออกรถสุดว้าว" ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2567 เท่านั้น
WOW ที่ 1 เพียงสแกน QR Code ผ่านทางสื่อประชาสัมพันธ์ และนำ SMS ไปแสดง ณ โชว์รูมที่ต้องการจองรถหรือที่ปรึกษาการขาย รับส่วนลดสูงสุด 50,000 บาท หรือส่วนลดดอกเบี้ยสูงสุด 1.5%
WOW ที่ 2 เพียงลงทะเบียน WOWที่ 1 และออกรถภายใน 31 ธันวาคม 2567 ลุ้นรับรางวัล WOW ที่ 2 ต่ออีกเพียบ
* เงื่อนไขทั้งหมดเป็นไปตามที่บริษัทฯ กำหนด กรุณาตรวจสอบเงื่อนไขและสถาบันการเงินที่ร่วมรายการที่โชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้าใกล้บ้านท่าน หรือศูนย์บริการข้อมูลลูกค้าโตโยต้า 1486 บริการด้วย Voice Bot 24 ชม. ทุกวัน
 
สัมผัสความตื่นเต้น เร้าใจใหม่ กับ NEW COROLLA ALTIS ณ Toyota ALIVE บางนา และโชว์รูมผู้แทนจำหน่ายโตโยต้า ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
และที่ห้างสรรพสินค้าชั้นนำทั่วประเทศ

วันที่ 14-17 พฤศจิกายน    2567 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ภูเก็ต 
วันที่ 21-24 พฤศจิกายน 2567 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่
วันที่ 11-15 ธันวาคม 2567 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เชียงใหม่
วันที่ 5-19 มีนาคม 2568 ณ ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์ โคราช
วันที่ 27-30 มีนาคม 2568 ณ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เชียงราย
พลาดไม่ได้ กับการโชว์สมรรถนะของ NEW COROLLA ALTIS รุ่น “HEV GR SPORT” โดยนักแข่ง TOYOTA GAZOO Racing Team Thailand
ในช่วง Night Show ของการแข่งขัน TOYOTA GAZOO Racing Thailand สนามที่ 4 วันที่ 9 พฤศจิกายนนี้ ณ สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ และภายในงานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 41 “Thailand International Motor Expo 2024” วันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2567 ณ  อาคารชาเลนเจอร์1-3 อิมแพค เมืองทองธานี

5
อาหารสายยาง อาหารทางการแพทย์เหมาะกับใคร

อาหารทางการแพทย์ คืออาหารที่มีสุดพิเศษสำหรับความเจ็บป่วยเฉพาะที่ เป็นอาหารที่ใช้ภายใต้การควบคุมของแพทย์เท่านั้น เพื่อให้ผู้ป่วยได้รับสารอาหารที่ถูกต้องและเพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และมีส่วนช่วยให้ผู้ป่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคขาดสารอาหาร ซึ่งอาหารทางการแพทย์จะแบ่งออกเป็นชนิดต่างๆได้แก่ สูตรอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการครบถ้วน สูตรอาหารที่มีคุณค่าทาง โภชนาการไม่สมบูรณ์ สูตรอาหารสำหรับผู้ที่มีระบบเผาผลาญผิดปกติและสูตรสารน้ำที่ให้ทางปาก


โดยอาหารทางการแพทย์สามารถช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีอาการแพ้อาการเบาหวานหรือมีปัญหาความผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร แต่อาหารทางการแพทย์ไม่ได้มีจุดประสงค์ในการรักษาโรค ดังนั้นจึงไม่สามารถรักษาโรคได้ แต่เป็นการช่วยป้องกันการเกิดปัญหาจากโรคและช่วยจัดการเกี่ยวกับโรคได้ง่ายขึ้น ทั้งยังไม่มีผลข้างเคียงใดๆ เมื่อใช้ สำหรับผู้ที่ต้องใช้อาหารทางการแพทย์ คือ ผู้ป่วยที่ต้องต่อสู้กลับความเจ็บป่วยและไม่สามารถได้รับโภชนาการที่เพียงพอจากการรับประทานอาหารได้ตามปกติ หรืออาจจะเป็นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหารหรือโรคไต ซึ่งมีความต้องการสารอาหารเฉพาะอาหารทางการแพทย์จึงสามารถเติมเต็มความต้องการนี้ได้ แต่ไม่สามารถใช้แทนยา แต่ใช้เพื่อเสริมหรือช่วยสนับสนุนการรักษาของผู้ป่วยเท่านั้น สำหรับวันนี้จะมาพูดถึงอาหารทางการแพทย์ว่าผู้ใดเหมาะสมที่จะใช้อาหารทางการแพทย์ และควรมีวิธีใช้อย่างไรให้ปลอดภัยและถูกต้อง

อย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่า อาหารทางการแพทย์เป็นผลิตภัณฑ์อาหาร ที่ผลิตขึ้นเพื่อนำมาใช้กับผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ หรือไม่สามารถรับประทานอาหารเป็นปกติได้อย่างเพียงพอ หรือผู้ป่วยที่มีร่างกายอยู่ในภาวะที่ต้องการสารอาหารบางอย่างเป็นพิเศษ ด้วยอาหารทางการแพทย์สามารถดื่มและรับประทานทางปากหรือใช้ในการให้อาหารทางสายยางได้


แต่ต้องมีการระบุการใช้งานเฉพาะโรคอย่างชัดเจน ต้องใช้ภายใต้การควบคุมและการดูแลของบุคลากรทางการแพทย์เท่านั้น สำหรับอาหารทางการแพทย์ปัจจุบันมีด้วยกันหลากหลายชนิดทั้งสำหรับผู้ใหญ่และเด็ก โดยจะแบ่งเป็นอาหารทางการแพทย์ที่ให้สารอาหารครบถ้วนและอาหารทางการแพทย์สูตรเฉพาะโรค ซึ่งอาหารทางการแพทย์ที่ให้สารอาหารครบถ้วนคือการนำเอาอาหารทั้ง 5 หมู่ มาทำเป็นรูปแบบผง สามารถชงรับประทานได้ง่าย หรือสามารถให้อาหารทางสายยางได้สำหรับผู้ป่วยที่ต้องได้รับอาหารผ่านทางสายยางให้อาหารเข้าสู่กระเพาะอาหารโดยตรงโดย จะมีสัดส่วนและสารอาหารวิตามินและเกลือแร่ที่เหมาะสมครบถ้วน เหมาะสำหรับผู้ที่ขาดสารอาหารจากสาเหตุต่างๆเช่น รับประทานอาหารได้ไม่เพียงพอหรือผู้ป่วยระยะพักฟื้นรวมไปถึงผู้สูงอายุที่มีภาวะการกลืนอาหารลำบาก


เพื่อป้องกันการเกิดโรคขาดสารอาหารและภาวะแทรกซ้อนอื่นๆที่จะตามมา ต่อมาคืออาหารทางการแพทย์ สูตรเฉพาะโรคคืออาหารที่มีการคิดค้น สัดส่วนของสารอาหาร วิตามินและแร่ธาตุ ให้เหมาะสมกับผู้ที่มีปัญหาด้านสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่ไม่ติดต่อเรื้อรังเช่น โรคไตเรื้อรัง โรคมะเร็ง เพราะผู้ป่วยในกลุ่มนี้มักมีแนวโน้มที่จะรับประทานอาหารได้ลดลง ซึ่งการใช้อาหารทางการแพทย์จึงเป็นวิธีที่สำคัญที่จะสามารถช่วยเพิ่มการได้รับพลังงานและสารอาหารในผู้ป่วยที่มีปัญหาในกลุ่มนี้ได้

และมักพบได้บ่อยคือผู้ป่วยเบาหวาน ที่มีภาวะร่างกายมีน้ำตาลในเลือดสูง โดยผู้ป่วยเบาหวานจะต้องมีการควบคุมอาหารร่วมกับการออกกำลังกาย อาหารทางการแพทย์ที่เหมาะกับผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานจะมีสัดส่วนของคาร์โบไฮเดรตต่ำกว่าอาหารทางการแพทย์ทั่วไป เพื่อช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดและยังช่วยเสริมใยอาหารมากกว่าสูตรทั่วไปด้วย นอกจากนี้อาหารทางการแพทย์ยังเหมาะสำหรับ ผู้ที่ต้องการโปรตีนสูง อาหารทางการแพทย์ในสูตรนี้จะมีปริมาณโปรตีนที่สูงกว่าสูตรทั่วไปมาก และยังมีสารอาหารที่ช่วยในการส่งเสริมภูมิคุ้มกันช่วยลดการอักเสบ เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่สามารถต้องการโปรตีนเพิ่มสูงมากขึ้น เช่น ผู้ป่วยโรคมะเร็งหรือผู้ป่วยจากการพักฟื้นหลังจากการผ่าตัดและผู้ป่วยวิกฤติ


นอกจากนี้อาหารทางการแพทย์ยังมีสูตรเฉพาะผู้ป่วยโรคตับ ใช้สำหรับเสริมปริมาณสารอาหารในผู้ป่วยที่มีการทำงานของตับเสื่อมสภาพและต้องมีการจำกัดในเรื่องของปริมาณของไขมัน อาหารทางการแพทย์สำหรับโรคไตเรื้อรัง จะมีการจำกัดปริมาณแร่ธาตุเช่น โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส ที่อาจจะมีค้างในผู้ป่วยโรคไตได้ ซึ่งจะมีปริมาณโปรตีนสูงเล็กน้อยและยังมีความเข้มข้นของพลังงานสูงจึงเหมาะกับผู้ป่วยที่ทำการล้างไตทางช่องท้อง หรือฟอกเลือด และสุดท้ายอาหารทางการแพทย์ สำหรับเด็กที่มีปัญหาในการย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร มีกรดไขมันปานกลางที่ร่างกายสามารถดูดซึมได้ง่ายกว่ากรดไขมันทั่วไป จึงทำให้การย่อยและการดูดซึมทำได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับเด็กที่มีปัญหาในการย่อยอาหารและการดูดซึมอาหาร อย่างไรก็ตามเราอยากให้ผู้ป่วยเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมกับร่างกายและถูกต้อง รวมถึงจะต้องรับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกายเพื่อให้ร่างกายได้ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคต่างๆและยังสามารถช่วยให้ร่างกายมีสุขภาพดีแข็งแรงสมบูรณ์สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่

6
ปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้ จากการไม่ดูแลความสะอาดในช่องปากระหว่างการจัดฟันเด็ก

การดูแลความสะอาดของช่องปากและฟันของเด็ก ถือว่าเป็นเรื่องที่พ่อแม่ผู้ปกครองควรดูแลเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เพราะเรื่องของปัญหาฟันของเด็ก ถือว่าเป้นเรื่องใหญ่มาก เพราะถ้าเด็กมีฟันผุตั้งแต่ยังเป็นฟันน้ำนม อาจจะทำให้เด็กมีปัญหาสุขภาพฟันตามมาในอนาคต พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะแนะนำหรือสอนเด็กให้รู้จักการแปรงฟันที่ถูกต้อง หรือถ้าหากเด็กมีปัญหาเกี่ยวกับรูปร่างฟัน ควรพาเด็กมาเข้ามาพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาและเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพื่อที่จะได้แก้ปัญหาเกี่ยวกับฟันตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะการเข้ารับการจัดฟันในเด็ก สามารถแก้ไขปัญหาฟันได้ตั้งแต่เด็กยังมีฟันผสม แถมยังช่วยแก้ไขในเรื่องของกล้ามเนื้อบนใบหน้าได้อีกด้วย

แต่ในการเข้ารับการจัดฟัน เด็กจะต้องมีการทำความสะอาดช่องปากและฟันให้สะอาดมากเป็นพิเศษ คอต้องใส่ใจในเรื่องของการทำคววามสะอาดช่องปากและฟันมากกว่าคนทั่วไป เพราะเนื่องจากการจัดฟันในเด็กนั้น มีเครื่องมือการจัดฟันอยู่ภายในช่องปาก ซึ่งเป็นปัญหาของผู้เข้ารับการจัดฟันหลายคน ดังนั้น หากเราทำความสะอาดช่อปากและฟันไม่สะอาด อาจจะมีปัญหาตามมาภายหลังได้ สำหรับวันนี้คลินิกของเราจะมาพูดถึงปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น จากการที่ไม่ดูแลความสะอาดช่องปากและฟันในระหว่างการเข้ารับการจัดฟัน ซึ่ง เป็นปัญหาที่หลายคนอาจจะมีความกังวลและพ่อแม่ผู้ปกครองอาจจะมีคำถาม ว่าถ้าหากเด็กแปรงฟันไม่สะอาด จะมีปัญหาใดตามมาและจะร้ายแรวกว่าผู้ที่ไม่เข้ารับการจัดฟันหรือไม่

 หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า ถ้าหากเราทำความสะอาดช่องปากและฟันได้ไม่ดีเท่าที่ควรอาจจะเสี่ยงทำให้เกิดปัญหาฟันตามมาได้ เช่นเดียวกันกับผู้เข้ารับการจัดฟัน ไม่ว่าจะเป้ฯเด็กหรือผู้ใหญ่ หากไม่ทำความสะอาดช่องปากและฟันให้ดี ก็ทำให้เกิดปัญหาช่องปสกและฟันตามมาอย่างแน่นอน เนื่องจากเชื้อโรคที่หลงเหลืออยู่บนผิวฟัน ซึ่งที่เราเรียกว่าคราบจุลินทรีย์ที่เกิดจากการย่อยสลายอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล แล้วปล่อยกรดออกมากัดกร่อนฟันจนผุในที่สุด นอกจากนั้นแล้ว เชื้อโรคเหล่านี้ยังทำอันตรายต่อเหงือกและอวัยวะรอบ ๆ ฟัน จนเกิดเหงือกอักเสบ บวมเป็นหนอง ฟันโยก ฟันผุตามมาได้อีกด้วย เพราะฉะนั้น ปัญหาที่เกิดจากการจัดฟัน อาจเกิดจากการไม่ดูแลความสะอาดในช่องปาก ไม่ดูแลเครื่องมือที่นำเข้าในช่องปาก ก็อาจจะทำให้เกิดกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ได้ ทำให้เด็กเสียบุคลิกภาพ ทำให้โดนเพื่อล้อได้

ดังนั้น เด็กที่เข้ารับการจัดฟันใยนเด็กควรที่ทำความสะอาดช่องปากและฟันให้สะอาด เพราะยิ่งเราละเลย ปัญหาที่ตามมาอาจจะทำให้เกิดความรุนแรงได้ และปัญหาก็จะเกิดการร้ายแรงกว่าเด็กที่ไม่ได้รับการจัดฟัน พ่อแม่ผู้ปกครองควรที่จะหมั่นสังเกตและคอยแนะนำวิธีการดูแลรักษาความสะอาดช่องปากและฟันอย่างถูกวิธีให้กับบุตรหลานเพื่อที่เด็กจะได้ทำความสะอาดฟันได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันการเกิดฟันผุ ลดโอกาสการเกิดคราบหินปูนด้วย เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาฟันในเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองควรพาเด็กเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันเบื้องต้น เพื่อประเมินฟันก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็ก เพ่อห้เด้กได้มีสุขภพช่องปากและฟันที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย

หากพ่อแม่ผู้ปกครองท่านใด สนใจพาบุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกเพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้านการจัดฟันในเด็กและมีประสบการณ์ด้านการทันตกรรมในเด็กมาอย่างยาวนาน เพื่อที่จะได้ให้คำปรึกษาได้อย่างตรงจุด หากเด็กมีปัญหาสุขภาพช่องปากและฟัน ทางเราสามารถตรวจและแก้ไขรักษาได้ก่อนเข้ารับการจัดฟันในเด็กเพื่อที่จะได้ลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการจัดฟัน เพราะเราอยากให้ทุกคนมีรอยยิ้มที่สดใสสวยงาม มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่ ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้เด็กมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้

7
ทำบุญ 9 วัดดังใกล้กรุงเทพฯ ไปเช้า-เย็นกลับ รับบุญอิ่มทั้งบ้าน

วันหยุดหรือวันว่างอยากชวนไปเที่ยวต่างจังหวัดใกล้ ๆ กันบ้าง ซึ่งรอบ ๆ กรุงเทพฯ ก็มีที่เที่ยวสวย ๆ หลากหลายแบบให้เลือกไปเช็กอิน อยากเที่ยวน้ำตก ภูเขา ชมวิวทะเลหมอก เดินเล่นรับลมชมวิวริมทะเลก็มีหมด เราเคยนำเสนอที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ ไปไม่น้อย วันนี้อยากจะแนะนำเส้นทางบุญกันบ้าง มัดรวมวัดดังใกล้กรุงเทพฯ มาฝากกัน ให้ไปเสริมบุญบารมีในวันหยุด มีวัดไหนน่าสนใจ ไปดูกัน

1. วัดตะโก จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

          วัดชื่อดังแห่งอำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ด้วยเป็นวัดที่ หลวงพ่อรวย เคยจำพรรษา บรรดาลูกศิษย์และพุทธศาสนิกชนที่เคารพศรัทธาต่างก็พากันไปกราบไหว้ขอพร ภายในวัดมีพระมหาธาตุเจดีย์ปาสาทิโกสูงใหญ่ ศิลปะไทยสวยงาม โดยด้านในที่ชั้น 1 นั้นเป็นสถานที่ตั้งโลงแก้วบรรจุสังขารหลวงพ่อรวย เชื่อกันว่าหากใครได้ไปกราบไหว้ขอพร ขอตรวจหวยก็จะประสบความสำเร็จ มีโชคลาภ

          ที่ตั้ง : ตำบลดอนหญ้านาง อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.

2. วัดท่าไม้ จังหวัดสมุทรสาคร

          วัดที่มีชื่อเสียงมาจากการเสริมดวงชะตาและแก้ปีชง โดยมีพระครูปลัดอุเทน สิริสาโร เป็นเจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ภายในวัดมีอาคารและสถาปัตยกรรมสวยงาม รวมถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมาย เช่น พระพุทธรูปปางชินราช ขนาดหน้าตัก 69 นิ้ว, พระเชียงแสน, พระสุโขทัย, พระอู่ทอง, สังฆรูปอดีตสาวกพระมหาสังกัจจายน์จีน ปางนั่งลูกประคำ หน้าตัก 59 นิ้ว, ศาลากุฏิทรงพรตภิรมย์ภักดี, ศาลาปู่ไวยทัศน์, ศาลาพระพุทธเจ้าปางประสูติ, ศาลาปู่ทวด, พระมหาเจดีย์เศรษฐี 9 โกฏิ และอนุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราช เป็นต้น

          ที่ตั้ง : ตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.

3. วัดจุฬามณี จังหวัดสมุทรสงคราม

          วัดเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนปลาย สันนิษฐานว่าสร้างโดยต้นตระกูลบางช้าง ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ เช่น สังขารไม่เน่าเปื่อยของหลวงพ่อเนื่อง โกวิโท (พระครูโกวิทสมุทรคุณ) อดีตเจ้าอาวาส, อุโบสถ รูปทรงจตุรมุขหินอ่อน 3 ชั้นสวยงาม ด้านในมีภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังแบบรัตโนธยา และคนนิยมไปสักการะองค์ท่านพ่อท้าวเวสสุวรรณ

          ที่ตั้ง : ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น.

4. วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร จังหวัดนครปฐม

          วัดสำคัญของชาวนครปฐม สร้างมายาวนานมากกว่า 1,400 ปี โดยองค์แรกนั้นสันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่ราวปี พ.ศ. 1100 มีการบูรณะเรื่อยมาจนเป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ในปัจจุบัน ซึ่งสูงมากถึง 100 เมตร มีรูปทรงระฆังคว่ำแบบลังกา โดยมี พระร่วงโรจนฤทธิ์ พระพุทธรูปปางห้ามญาติ ศิลปะแบบสุโขทัย เป็นพระประธาน ประดิษฐานอยู่ทางด้านทิศเหนือ ชาวบ้านให้ความเคารพศรัทธามาก นิยมไหว้ขอพรในเรื่องการงานและการเรียน

          ที่ตั้ง : 27 ถนนเทศา ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-21.00 น.

 5. วัดไร่แตงทอง จังหวัดนครปฐม

          วัดแห่งนี้เคยเป็นสถานที่จำพรรษาของ หลวงปู่หลิว ปณฺณโก พระสงฆ์ที่มีพุทธาคมสูง มีความรู้ทางด้านยาสมุนไพร ชาวบ้านเจ็บไข้ก็มักไปขอสูตรยาจากท่าน พอชาวบ้านหายจากเจ็บป่วยต่างก็เลื่อมใสและศรัทธาในหลวงปู่หลิว ซึ่งปัจจุบันภายในวัดโดดเด่นด้วยรูปหล่อหลวงปู่หลิวประทับพญาเต่าเรือนขนาดใหญ่ภายในวิหาร ชาวบ้านมักจะไปขอพรให้เดินทางปลอดภัย หายจากโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ

          ที่ตั้ง : ตำบลทุ่งลูกนก อำเภอกำแพงแสน จังหวัดนครปฐม
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.

6. วัดสมานรัตนาราม จังหวัดฉะเชิงเทรา

          วัดดังอีกแห่งของจังหวัดฉะเชิงเทรา โด่งดังในเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทางฮินดู ไฮไลต์ก็คือ พระพิฆเนศปางนอนเสวยสุข สีชมพูขนาดใหญ่ สูง 16 เมตร ยาว 22 เมตร เชื่อกันว่าหากใครเคารพบูชาก็จะมีแต่ความสุขเข้ามาในชีวิต อิ่มหนำสำราญ มีโชคลาภตลอด นอกจากนี้ภายในวัดก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น หนูมุสิกะ, พระธาตุอินทร์แขวนจำลอง, หลวงพ่อองค์ดำ, หลวงพ่อโต, พระราหู, พระโพธิสัตว์กวนอิมปางประทานบุตร และองค์ท้าวมหาพรหม เป็นต้น

          ที่ตั้ง : ตำบลก้อนแก้ว อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.

7. วัดโสธรวรารามวรวิหาร จังหวัดฉะเชิงเทรา

          หากพูดถึงพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของไทย ลำดับต้น ๆ ที่จะไม่พูดถึงไม่ได้ ก็คือ หลวงพ่อพุทธโสธร ซึ่งประดิษฐานอยู่ ณ วัดโสธรวรารามวรวิหาร พระอารามหลวงชั้นตรี เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางสมาธิ หน้าตักกว้าง 1.65 เมตร และสูง 1.98 เมตร รูปแบบศิลปะล้านช้าง งดงามทางพุทธลักษณะทุกประการ พุทธศาสนิกชนมักจะเดินทางไปกราบไหว้ขอพรให้สมหวังในเรื่องต่าง ๆ หากใครประสบความสำเร็จก็มักจะแก้บนด้วยไข่ต้มและละครรำ

          ที่ตั้ง : ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองฉะเชิงเทรา จังหวัดฉะเชิงเทรา
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-16.30 น.

8. วัดม่วง จังหวัดอ่างทอง

          วัดที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย แล้วโดนเผาทำลายไปในช่วงอยุธยาเสียกรุง หลังจากนั้นก็ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง รวบรวมจิตศรัทธาจากประชาชนร่วมกันสร้าง พระพุทธมหานมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ หรือหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ ขนาดหน้าตักกว้างมากถึง 62 เมตร และสูงกว่า 93 เมตร สีทองอร่าม มองเห็นได้จากระยะไกลหลายเมตร ชาวบ้านเชื่อกันว่าหากได้ไปกราบไหว้ขอพร แล้วนำศีรษะไปจรดกับปลายนิ้วของหลวงพ่อใหญ่ก็จะสมหวังตามคำขอพร

          ที่ตั้ง : ตำบลหัวตะพาน อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น.

9. วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี

          พระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร มีอายุมากกว่า 1,000 ปี โดยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญ คือ หลวงพ่อโต พระพุทธรูปปางป่าเลไลยก์ขนาดใหญ่ สูงมากถึง 23.47 เมตร ประดิษฐานอยู่ในพระวิหารสง่างาม นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ เช่น จิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องราวของขุนช้าง-ขุนแผน, บ้านขุนช้าง, ศาลาสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และตลาดของฝาก เป็นต้น

          ที่ตั้ง : ถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี
          เวลาเปิด-ปิด : ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-18.00 น.

8
งานมอเตอร์โชว์ ชม Avatr 012 รถยนต์ไฟฟ้า Limited Edition เปิดพรีเซลเริ่ม 3.36 ล้านบาท เพียง 700 คันเท่านั้น

เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา Avatr 012 เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการที่งาน 2024 Avatr Brilliant Night ที่เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน รถคันนี้เป็นการดีไซน์ร่วมกันกับ Kim Jones ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ Dior และ Fendi
 
Avatr 012 เปิดราคาเริ่มต้นที่ 700,000 หยวนหรือ 3.36 ล้านบาท ในจำนวนจำกัดเพียง 700 คันเท่านั้น พร้อมกับแถมกระเป๋าผ้า Dior มาให้ในรถ 1 ใบด้วย
 
มิติตัวถัง Avatr 012
ความยาว 5,020 มม.
ความกว้าง 1,999 มม.
ความสูง 1,450 มม.
ระยะฐานล้อ 3,020 มม.
 
รถคันนี้มีพื้นฐานเดียวกับ Avatr 12 โมเดลปี 2024 ทำให้รถทั้งสองมีขนาดใกล้เคียงกัน
ชาร์จเร็ว พร้อมขุมพลัง 570 แรงม้า วิ่งไกล 350 กม.

ขุมพลังของ Avatr 012 นั้นมาจากระบบ DriveONE ของ Huawei จับคู่กับแบตเตอรี่ 5C Qilin ของ CATL ซึ่งมอบความสามารถในการชาร์จแบตเตอรี่เร็วสุดจาก 30 - 80% ได้ภายใน 10 นาที ส่วนรายละเอียดอื่น ๆ ยังไม่เปิดเผยในตอนนี้
 
อย่างไรก็ตาม DongCheDi สื่อมวลชนจากจีนระบุว่า Avatr 012 จะมีขุมพลังที่ให้กำลังสูงสุด 570 แรงม้า (425 kW) และแรงบิดอันมหาศาลที่ 650 นิวตันเมตร ซึ่งประกอบด้วยมอเตอร์ด้านหน้า 261 แรงม้า (195 kW) แรงบิด 280 นิวตันเมตร และด้านหลัง 308 แรงม้า (230 kW) แรงบิด 370 นิวตันเมตร และให้ระยะทางขับขี่สูงสุด 650 กม. ตามมาตรฐาน CLTC

ทั้งหมดนี้ตั้งอยู่บนล้อ Forged ขัดเงาขนาด 21 นิ้ว รวมถึงมีออพชันล้ำสมัยอย่าง กล้องกระจกมองข้าง และมือจับประตูที่แนบไปกับตัวรถ
 
ดีไซน์จาก Avatr 12 แต่หรูหรามากกว่า
 
สำหรับดีไซน์ของ Avatr 012 ส่วนใหญ่จะนำมาจาก Avatr 12 แต่มาพร้อมความแตกต่างที่มากกว่า เริ่มด้วยสีภายนอก “liquid silver” ดีไซน์ด้านหน้าแบบแยกส่วน E-shaped มีหน้าจอ interactive HALO screen ภายนอกรถที่ประกอบด้วยดวงไฟเล็ก ๆ กว่า 10,500 ดวง และมีเซนเซอร์ LiDAR อยู่ภายในกระจังหน้า
 
สำหรับกระจังหน้าสามารถเปิด-ปิดเพื่อรับอากาศเพิ่มเติมได้ ขณะเดียวกันก็มี เซนเซอร์ LiDAR อีก 2 จุดบริเวณซุ้มล้อของรถเพื่อรองรับระบบ ADAS ผ่านระบบ Huawei Qiankun ADS 3.0
 
นอกจากนี้ ด้านหลังเราจะเห็นไฟท้ายแบบแยกส่วน และสปอยเลอร์ท้ายเป็ดอีกด้วย
 
ภายในสไตล์ล้ำ
 
ห้องโดยสารของ Avatr 012 ยังใช้ดีไซน์ของ Avatr 12 มาพร้อมโทนสีห้องโดยสารที่อบอุ่น ภายในรถใช้ระบบปฏิบัติการ Huawei’s HarmonyOS 4 ออกแบบโดยลดปุ่มกดที่ไม่จำเป็นออกไป พร้อมกับพวงมาลัยทรง polygon, หน้าจอกลาง 15.6 นิ้ว, หน้าจอ 4K ขนาด 35.4 นิ้ว ซึ่งประกอบด้วยมาตรวัดและระบบความบันเทิง
 
ขณะเดียวกันก็ยังมีหน้าจอสำหรับแสดงผลกล้องกระจกมองข้าง ทั้งซ้าย-ขวา อีกด้วย นอกจากนี้ Avatr ยังคัสตอมโลโก้ใหม่บนพวงมาลัยและเสา B
 
นอกจากนี้ บริเวณพนักพิงเบาะนั่งยังสลักโลโก้สุดเอ็กซ์คลูซีฟที่เกิดจากความร่วมมือระหว่าง Avatr and Kim Jones อีกด้วย
 
สำหรับเพดานของห้องโดยสารยังออกแบบบรรยากาศให้เป็นกลุ่มดาว starry skylight design และเบาะแถวหลังยังหุ้มด้วยหนัง Nappa พร้อมออพชั่นสุดพรีเมียมอย่าง จอความบันเทิงขนาดใหญ่ และที่วางแขนซึ่งมีฟังก์ชันมากมาย
 
Avatr 012 จำกัดเพียง 700 คัน
 
Avatr 012 คือ Avatr 12 เวอร์ชั่นหรูที่มีจำนวนจำกัด ซึ่งเหมาะกับผู้ที่ต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ล้ำสมัยพร้อมกับความ exclusive และไม่เหมือนใครเป็นอย่างมาก

9
ออล นิว ไทรทัน: Mitsubishi Triton Athlete สปอร์ตพันธุ์เข้ม หล่อครบจากโรงงาน พร้อมลุยเต็มพิกัด

ย้อนกลับไปเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาค่ายรถยนต์ Mitsubishi ได้แนะนำและส่งกระบะจากค่ายที่มาพร้อมความพิเศษกับการตกแต่งหล่อครบจากโรงงานในชื่อ Mitsubishi Triton Athlete รถกระบะที่ได้รับการตกแต่งเพิ่มความสปอร์ตรอบคันรวมถึงภายในที่ได้รับการตกแต่งพร้อมล้อหมุนกันได้เลย ซึ่งมาในพิกัดของตัวถังรุ่น Double Cab 4 ประตูทั้งรุ่นยกสูง Plus และขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD

อีกโอกาสอันดีที่ทาง Mitsubishi ได้เชิญทีมงาน AutoDeft.com ร่วมขับทดสอบ Mitsubishi Triton Athlete บนเส้นทาง กรุงเทพฯ – เขาใหญ่ สัมผัสกันทั้งเส้นทางบนถนนในเมืองและนอกเมือง รวมไปถึงเส้นทางออฟโรดจริงที่ให้ได้ทดสอบใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD ของ Mitsubishi Triton Athlete อันชาญฉลาดกันเล็กน้อย

แรกเห็นความโดดเด่นของ Mitsubishi Triton Athlete ภายนอกมาพร้อมชุดแต่ง 19 รายการ ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าสีดำ ชุดตกแต่งกันชนหน้า สไตลิ่งบาร์ ล้อสีดำขนาด 17 นิ้ว โป่งซุ้มล้อสีดำ มือจับประตู ครอบกระจกมองข้าง เป็นต้น รวมไปถึงการตกแต่งรอบคันด้วยเส้นสายสีส้มที่ทำให้ตัวรถ มีความเฉียบคมมากขึ้นและช่วยสร้างความโฉบเฉี่ยวซึ่งอิงสีสันที่ใช้มาจากยุโรปนั้นเอง

ส่วนภายในนั้น Mitsubishi Triton Athlete ได้รับการตกแต่งในโทนสีส้มดำ เบาะนั่งหนังส่วนรอบนอกเป็นสีดำและส่วนกลางเป็นสีส้ม พร้อมปักคำว่า Athlete สีส้มบ่งบอกความพิเศษให้กับรุ่นนี้ และการตกแต่งอื่นๆ กับพวงมาลัยหุ้มหนังเดินตะเข็บส้ม ทั้งบริเวณแผงประตู และเบาะที่นั่งด้วยเช่นกัน และยังมีพรมปูพื้นสีดำขอบส้มพร้อมคำว่า Athlete สีส้มมาให้อีกด้วย


พร้อมออกเดินทางจากย่านอโศกใจกลางเมืองลัดเลาะการจราจรที่ค่อนข้างหนาแน่นช่วงสายก่อนที่จะล้อหมุนขึ้นทางด่วนมุ่งหน้าไปทางรังสิต การขับขี่ไปกับ Mitsubishi Triton Athlete นั้น ให้การควมคุมที่ค่อนข้างทำได้ดีสำหรับรถกระบะที่ปกตินั้นตัวรถค่อนข้างยาวใครที่ไม่เคยขับขี่อาจจะต้องใช้ความคุ้นเคยกันเล็กน้อยเพื่อกะระยะต่างๆ แต่ด้วยปัจจุบันนี้รถกระบะก็ได้ใส่ตัวช่วยและเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามามากมายก็ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างง่ายดายใกล้เคียงกับรถยนต์นั่งที่พร้อมมอบความสะดวกสบายและความอเนกประสงค์ที่มากกว่า

การขับขี่ Mitsubishi Triton Athlete ช่วงเส้นทางออกนอกเมืองพละกำลังจากเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 4N15 Mivec Clean Diesel 2.4 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 181 แรงม้าที่ 3,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ที่ 2,500 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีดพร้อมสปอร์ตโหมด ก็ให้พละกำลังที่เหลือเฟืองทั้งการทำความเร็วหรือการเร่งแซง บวกกับช่วงล่างที่ถูกเซ็ตมานุ่มหนึบก็มอบความสะดวกสบายให้กับการเดินทางในทุกที่นั่งโดยสาร จะมาอาการเต้นๆ เล็กน้อยเมื่อขับผ่านรอยต่อถนน แต่จะไม่ได้รู้สึกระด้างเท่าใดนัก ซึ่งในกรณีที่ขับบนถนนที่ไม่เรียบเท่าใดนักก็จะพบกับอาการเต้นๆ เล็กน้อย และด้วยระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super Select 4WD II แบบเดียวกับรุ่น Pajero Sport และระบบเฟืองท้ายแบบ Diff-lock เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ก็ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการขับขี่บนเส้นทางออฟโรดได้อย่างมั่นใจและปลอดภัย ซึ่งเป็นอีกจุดหมายปลายทางต่อไปที่ทาง Mitsubishi จะพาไปให้ได้สัมผัสกัน

ในที่สุดก็เดินทางมาถึงยังสนามทดสอบออฟโรดในเขาใหญ่ ในช่วงของการทดสอบระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4WD ของ Mitsubishi Triton Athlete ให้ได้ทดสอบทั้งโหมด 4H (4WD High-Range) ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Full Time – All Wheel Control ที่สามารถขับขี่ได้บนเส้นทางปกติที่จะช่วยเพิ่มการเกาะถนนที่ดียิ่งขึ้น มีการส่งกำลังหน้าหลังในอัตราส่วน หน้า 40% และล้อหลัง 60% ในโหมด 4HLc (4WD High-Range with Locked Transfer) ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วสูง และโหมด 4LLc (4WD Low-Range with Locked Transfer) ระบบขับเคลื่อนสี่ล้ออัตราทดความเร็วต่ำพร้อมเฟืองท้าย Rear Diff Lock ควบคุมด้วยระบบไฟฟ้า ก็ช่วยให้เราผ่านอุปสรรคได้อย่างง่ายดายกับช่วงของการทดสอบสั้นๆ ที่มีทั้งหลุม หินก้อนเล็กและใหญ่ให้ได้ลองขับผ่านกัน

ก่อนที่จะเดินทางมู่งสู่จุดชมวิวผาตรอมใจ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ใครที่เคยไปเที่ยวพักผ่อนจะพอนึกภาพออกกับสภาพเส้นทางที่เป็นแบบเลนสวน ทางโค้งไปโค้งมาหลากรูปแบบ รวมไปถึงเส้นทางขึ้นและลงเขา การขับขี่ Mitsubishi Triton Athlete รวมถึงการนั่งโดยสารให้ความมั่นใจได้อย่างดี ในช่วงของการขับขี่เองตอบโจทย์ทั้งพละกำลัง การควบคุมพวงมาลัยที่แม่นยำ และช่วงล่างที่มอบความมั่นใจในการเกาะถนนบวกกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบตลอดเวลา ไม่นานพวกเราก็มาถึงยังจุดชมวิวผาตรอมใจ สูดอากาศนั่งชิวกันสักพักก่อนที่จะเดินทางกลับออกมาเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดสิ้นสุดการทดสอบที่โรงแรม ด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติที่มาพร้อมสปอร์ตโหมดให้ผู้ขับขี่เลือกเปลี่ยนเกียร์ได้ตามต้องการนี้เอง ก็ช่วยทำให้ขาลงเขาสามารถใช้เกียร์ต่ำกับการ engine brake เพื่อการขับลงเขาอย่างปลอดภัย

ซึ่งนอกจากด้านสมรรถนะในการขับขี่แล้ว Mitsubishi Triton Athlete ยังมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งเครื่องเล่น DVD แบบจอสัมผัส เชื่อมต่อสมาร์ทโฟน ปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์บนพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น 4 ก้าน พร้อมระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift เบาะนั่งปรับไฟฟ้าด้านคนขับ ระบบปรับอากาศแบบ Dual Zone กุญแจอัจฉริยะ KOS พร้อมปุ่ม Push Start ติดตั้งที่นั่งตอนหลังพร้อมพนักพิงศีรษะ 3 ตำแหน่ง (Rear Seat Headrest X3) ที่ต้องยอมรับเลยว่าพื้นที่การโดยสารด้านหลังของ Mitsubishi Triton เป็นอีกหนึ่งจุดเด่นเลยทีเดียว ด้วยตัวเบาะที่ลาดเอียงในองศาที่ได้ระดับไม่ตั้งชันและเอนมากจนเกินไปทำให้การนั่งโดยสารด้านหลังค่อนข้างสบายไม่น้อยแม้พื้นที่ของเบาะรองขาที่อาจจะสั้นไปนิดแต่การนั่งโดยสารในช่วงระยะเวลาหนึ่งๆ ก็ไม่ได้รู้สึกเมื่อยล้าแต่อย่างใด และเมื่อพูดถึงการนั่งในตำแหน่งขับขี่ตัวเบาะนั้นสามารถรองรับช่วงของหลังได้ค่อนข้างดีเต็มหลังเลยทีเดียว ทำให้การปรับท่านั่งและตำแหน่งเบาะให้เข้ากับการขับขี่ของแต่ละคนทำได้อย่างง่ายดาย บวกกับพวงมาลัยที่สามารถปรับระดับได้ 4 ทิศทาง ก็ช่วยเพิ่มความสะดวกและความถนัดของแต่ละคนได้อย่างดี


ด้านระบบความปลอดภัยใน Mitsubishi Triton Athlete มีทั้งระบบลดกำลังเครื่องยนต์เพื่อช่วยเบรก (Brake Override System) ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรกอิเล็กทรอนิกส์ (EBD) และระบบเสริมแรงเบรก (BA) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว พร้อมระบบป้องกันล้อหมุนฟรีและควบคุมการลื่นไถล (ASTC – Active Stability and Traction Control) ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน (Hill Start Assist System) และกล้องมองภาพหลังขณะถอยจอดพร้อมเส้นกะระยะ (Rear View Camera with Guiding Line) นอกจากนี้ยังมีจุดยึดเบาะเด็ก (ISOFIX) เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง ELR และเข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ ขณะที่ระบบความปลอดภัยเชิงรับประกอบด้วยคานเหล็กนิรภัยบริเวณประตูหน้าและหลัง ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ถุงลมนิรภัยด้านข้าง บริเวณหัวเข่าด้านคนขับ และม่านถุงลมนิรภัย

สำหรับ Mitsubishi Triton Athlete นี้ มาพร้อมกับ 3 รุ่นย่อยให้เลือก รุ่น D/Cab Plus 2.4D MIVEC Athlete 6MT สนนราคา 879,000 บาท, รุ่น D/Cab Plus 2.4D MIVEC Athlete 5AT สนนราคา 924,000 บาท และรุ่น D/Cab 4WD 2.4D MIVEC Athlete 5AT สนนราคา 1,111,000 บาท เมื่อเปรียบเทียบราคาที่เพิ่มขึ้นจากรุ่น GLS-LTD ในรุ่น รุ่น D/Cab Plus เพิ่มขึ้น 48,000 บาท และเพิ่มขึ้น 40,000 บาท ในรุ่น D/Cab 4WD


ทั้งหมดนี้เป็นอีกสัมผัสและการทดสอบไปกับ Mitsubishi Triton Athlete กระบะอเนกประสงค์ที่ออกมาตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องรถกระบะสี่ประตู และชื่นชอบความแตกต่างและการตกแต่งที่ได้มาตรฐานจากโรงงาน พร้อมหล่อลุยได้ตั้งแต่ออกจากโชว์รูม มั่นใจได้กับมาตรฐานและการรับประกันชิ้นส่วนที่ตกแต่งเพิ่มเติมเข้าไป บวกกับสมรรถนะการขับขี่และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกที่มีให้อยู่แล้ว จึงทำให้ Mitsubishi Triton Athlete เป็นอีกหนึ่งทางเลือกความคุ้มค่าที่น่าจะอยู่ในตัวเลือกการตัดสินใจของคุณได้ไม่มากก็น้อย โดยก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกรถรุ่นใด อย่าลืมที่จะหาโอกาสไปสัมผัสและทดลองขับด้วยตัวคุณเอง เพราะคุณเท่านั้นที่จะรู้ได้ว่ารถคันนี้ตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้หรือไม่
 

10
บล็อคเชนตรวจแหล่งที่มาของอาหาร ในยุคที่ใส่ใจสุขภาพความปลอดภัยของอาหารให้สุขภาพดียิ่งขึ้น

เทคโนโลยีบล็อกเชนกำลังปฏิวัติวงการอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการตรวจสอบย้อนกลับที่มาของอาหาร ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ ในยุคที่ใส่ใจสุขภาพและความปลอดภัยของอาหาร ความต้องการความโปร่งใสในการจัดหาอาหารไม่เคยสูงเท่านี้มาก่อน ผู้บริโภคต้องการทราบว่าอาหารของตนมาจากไหน ผลิตอย่างไร และเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยและคุณภาพหรือไม่

เทคโนโลยีบล็อคเชนซึ่งเป็นเครื่องมือปฏิวัติวงการที่กำลังเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมอาหารโดยจัดทำระบบที่ไม่เปลี่ยนแปลงและโปร่งใสสำหรับการติดตามแหล่งที่มาของอาหาร


เทคโนโลยี Blockchain คืออะไร?

บล็อคเชนคือระบบบัญชีแยกประเภทดิจิทัลแบบกระจายอำนาจที่บันทึกธุรกรรมระหว่างคอมพิวเตอร์หลายเครื่องในลักษณะที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงธุรกรรมที่ลงทะเบียนไว้ย้อนหลังได้ เทคโนโลยีนี้ช่วยให้มั่นใจถึงความปลอดภัย ความโปร่งใส และการตรวจสอบย้อนกลับ ทำให้เป็นโซลูชันที่เหมาะสำหรับอุตสาหกรรมอาหาร


การประกันความปลอดภัยด้านอาหาร

ความปลอดภัยของอาหารกลายเป็นปัญหาสำคัญเนื่องจากโรคและการปนเปื้อนจากอาหารเพิ่มมากขึ้น ห่วงโซ่อุปทานแบบดั้งเดิมมักขาดความโปร่งใส ทำให้ยากต่อการติดตามแหล่งที่มาของผลิตภัณฑ์อาหารได้อย่างรวดเร็ว ด้วยระบบบล็อคเชน ทุกธุรกรรมจะถูกบันทึก ทำให้มีประวัติที่ครอบคลุมของผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ฟาร์มจนถึงโต๊ะอาหาร หากเกิดปัญหาการปนเปื้อน ธุรกิจต่างๆ จะสามารถติดตามผลิตภัณฑ์ที่ได้รับผลกระทบกลับไปยังแหล่งที่มาได้แบบเรียลไทม์ ทำให้สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและลดความเสี่ยงต่อสุขภาพ


การสร้างความไว้วางใจของผู้บริโภค

ผู้บริโภคในปัจจุบันมีข้อมูลและใส่ใจเกี่ยวกับการเลือกอาหารมากขึ้น พวกเขามองหาผลิตภัณฑ์ที่เป็นออร์แกนิก มาจากแหล่งที่ยั่งยืน และปราศจากสารเคมีอันตราย เทคโนโลยีบล็อคเชนช่วยให้ผู้บริโภคมีอำนาจมากขึ้นด้วยการให้ข้อมูลที่ตรวจสอบได้เกี่ยวกับอาหารที่พวกเขาซื้อ โดยการสแกนรหัส QR บนบรรจุภัณฑ์ของผลิตภัณฑ์ ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับแหล่งที่มา วิธีการผลิต และเส้นทางตลอดห่วงโซ่อุปทาน ระดับความโปร่งใสนี้ส่งเสริมความไว้วางใจระหว่างผู้บริโภคและผู้ผลิต ซึ่งท้ายที่สุดแล้วส่งผลต่อการตัดสินใจซื้อ


การเพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน

เทคโนโลยีบล็อคเชนไม่เพียงแต่ช่วยปรับปรุงความปลอดภัยของอาหารและความไว้วางใจของผู้บริโภคเท่านั้น แต่ยังเพิ่มประสิทธิภาพของห่วงโซ่อุปทานอาหารอีกด้วย โดยการทำให้กระบวนการเป็นดิจิทัลและกำจัดเอกสารออกไป บล็อคเชนจะลดโอกาสเกิดข้อผิดพลาดและการฉ้อโกง ส่งผลให้การดำเนินการมีประสิทธิภาพมากขึ้นและธุรกิจต่างๆ ตอบสนองได้เร็วขึ้น นอกจากนี้ สัญญาอัจฉริยะซึ่งเป็นสัญญาที่ดำเนินการเองโดยมีเงื่อนไขของข้อตกลงเขียนไว้ในโค้ดโดยตรง สามารถทำให้ธุรกรรมเป็นอัตโนมัติและรับรองการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยของอาหารได้


การสนับสนุนแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน

อุตสาหกรรมอาหารอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการนำแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืนมาใช้ บล็อคเชนสามารถมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมความยั่งยืนโดยทำให้ผู้ผลิตสามารถติดตามผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้ ตัวอย่างเช่น เกษตรกรสามารถใช้บล็อคเชนเพื่อบันทึกแนวทางปฏิบัติทางการเกษตร เช่น การใช้น้ำและการใช้ยาฆ่าแมลง จากนั้นข้อมูลเหล่านี้สามารถแบ่งปันกับผู้บริโภคได้ ทำให้ผู้บริโภคมีความโปร่งใสเกี่ยวกับความยั่งยืนของทางเลือกอาหารของพวกเขา

ในขณะที่อุตสาหกรรมอาหารยังคงพัฒนาต่อไป เทคโนโลยีบล็อคเชนจึงกลายมาเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการรับรองความปลอดภัยของอาหาร สร้างความไว้วางใจของผู้บริโภค เพิ่มประสิทธิภาพห่วงโซ่อุปทาน และสนับสนุนแนวทางปฏิบัติที่ยั่งยืน ด้วยการให้ความโปร่งใสและการตรวจสอบย้อนกลับ บล็อคเชนไม่เพียงแต่ปกป้องสุขภาพของประชาชนเท่านั้น แต่ยังปูทางไปสู่อนาคตที่สุขภาพดีอีกด้วย เมื่อผู้บริโภคมีความตระหนักรู้เกี่ยวกับตัวเลือกอาหารมากขึ้น การนำเทคโนโลยีบล็อคเชนมาใช้ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้น ส่งผลให้สังคมมีข้อมูลและใส่ใจสุขภาพมากขึ้น

11
สินเชื่อรีไฟแนนซ์: "รีไฟแนนซ์บ้าน" ทั้งที รับวงเงินให้เต็ม 100% เลยดีไหม? 1 ในข้อเสนอดีๆ ในการรีไฟแนนซ์บ้านกับธนชาต

สินเชื่อบ้านที่กำลังผ่อนจ่ายอยู่นั้น...ดอกเบี้ยแพงมากเกินไปหรือไม่? สำหรับใครที่กำลังต้องการดอกเบี้ยผ่อนบ้านที่ถูกลง หรือกำลังประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงินจากการผ่อนชำระค่างวดสินเชื่อบ้านอยู่ สินเชื่อ "รีไฟแนนซ์บ้าน" เป็นอีกหนึ่งทางเลือกและเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดสำหรับปัญหาเหล่านี้ เพราะสินเชื่อ "รีไฟแนนซ์บ้าน" คือ การกู้ยืมเงินก้อนใหม่จากธนาคารที่เราเป็นหนี้อยู่ หรือจะกู้ยืมเงินจากธนาคารใหม่มาโปะหนี้ก้อนเดิม เพื่อให้ดอกเบี้ย และยอดผ่อนชำระต่อเดือนถูกลง ผ่อนหมดเร็วขึ้น ทั้งนี้ จะดีกว่ามั้ย?...ถ้าการรีไฟแนนซ์ครั้งนี้รับวงเงินเต็มๆ ไปเลย 100% ดังนั้น จะต้องทำยังไง? ขอกู้ที่ไหน? มาดูกันเลยค่ะ

เตรียมตัวยังไง...ให้กู้ผ่านฉลุย!!
แน่นอนว่าคนที่ขอกู้เงินจากธนาคารย่อมต้องคิดว่าจะได้เงินจากการกู้ยืมมาใช้จ่ายในส่วนที่จำเป็น แต่ถ้าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด หรือไม่ได้รับการอนุมัติวงเงินกู้จากธนาคารไม่ว่าจะสาเหตุอะไร ก็ย่อมทำให้ผู้ขอกู้เสียความรู้สึกได้ ดังนั้น เรามาดูไปพร้อมๆ กันว่า จะต้องเตรียมตัวยังไง...ให้สามารถกู้เงินได้ผ่านแบบฉลุย

ต้องกู้ที่ไหน...ถึงได้วงเงินเต็ม 100%
ร้อยทั้งร้อยคนที่ต้องการใช้เงินโดยใช้วิธีการขอสินเชื่อจากธนาคาร นอกจากจะคาดหวังให้ผ่านการอนุมัติแล้ว ยังต้องการที่จะได้วงเงินอนุมัติจำนวนเยอะๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อซื้อบ้าน หรือสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ถ้ากู้แล้วได้รับวงเงินอนุมัติที่เต็ม 100% ก็จะทำให้เราไม่เหนื่อยกับการไปหาเงินหรือเอาเงินเก็บออกมาใช้จ่ายในส่วนที่ขาดอยู่นั่นเอง แต่การที่จะกู้เงินให้ได้แบบเต็ม 100% นี้ จะขอกู้ที่ไหน? วันนี้ไปรีวิวสินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านที่ให้วงเงินอนุมัติสูงสุด 100% กันเลยค่ะ

สินเชื่อบ้านธนชาตรีไฟแนนซ์
จ่ายน้อย ผ่อนสบาย กับ สินเชื่อบ้านธนชาตรีไฟแนนซ์
 อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 3 ปี เริ่มต้น 3.29%
 รีไฟแนนซ์ทุกโครงการ พร้อมวงเงินพิเศษ (top Up)
 วงเงินอนุมัติสูงสุด 100%
สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้านเพื่อไถ่ถอนสินเชื่อที่อยู่อาศัยจากธนาคารอื่น ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายด้วยอัตราดอกเบี้ยต่ำเป็นพิเศษ และระยะเวลาผ่อนชำระนาน พร้อมให้วงเงินกู้เพิ่มเพื่อใช้จ่ายตามความต้องการ
ใครมีสิทธิ์กู้บ้าง?
 บุคคลธรรมดา
 สัญชาติไทย หรือเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย กรณีที่ไม่มีสัญชาติไทยต้องมีเอกสารแสดงถิ่นที่อยู่ในประเทศไทย หรือใบต่างด้าว หรือมีชื่อในทะเบียนบ้าน (ทร.14)
 อายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี
 มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 10,000 บาท/เดือน/คน
 อายุงานไม่น้อยกว่า 1 ปี หากไม่ถึง 1 ปี ต้องมีเอกสารหรือหนังสือรับรองจากที่ทำงานเดิมมาแสดงว่ามีอายุงานมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
 กรณีผู้กู้ประกอบธุรกิจส่วนตัว ต้องดำเนินธุรกิจมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี
 กรณีมีผู้กู้ร่วม ผู้กู้ร่วมต้องมีส่วนในการผ่อนชำระหนี้ และต้องเป็นบุคคลในครอบครัวเดียวกัน
 กรณี Refinance ต้องมีประวัติผ่อนชำระกับสถาบันการเงินอื่นมาแล้วไม่น้อยกว่า 2 ปี และบัญชีมีสถานะล่าสุด เป็นปกติ

มีเวลาผ่อนชำระเท่าไหร่?
ผ่อนชำระสูงสุดไม่เกิน 30 ปี โดยกำหนดอายุผู้กู้รวมกับระยะเวลาที่ผ่อนชำระ ตามแต่กรณี ดังนี้
 อาชีพพนักงานประจำ อายุรวมไม่เกิน 65 ปี
 เจ้าของธุรกิจ / ผู้ประกอบอาชีพอิสระ / ผู้เชี่ยวชาญแขนงต่างๆ โดยเฉพาะ อายุรวมไม่เกิน 70 ปี
หลักทรัพย์ใช้ค้ำประกัน คืออะไร?
 บ้านพร้อมที่ดิน , ทาวน์เฮ้าส์ , ทาวน์โฮม , โฮมออฟฟิศ , อาคารพาณิชย์ และอาคารชุด (คอนโดมิเนียม)
ราคาหลักทรัพย์ขั้นต่ำเท่าไหร่?
  กรุงเทพและปริมณฑล 700,000 บาท / ต่างจังหวัด 500,000 บาท

ได้วงเงินอนุมัติเท่าไหร่?
 วงเงินอนุมัติสูงสุด 100% ของราคาประเมินหรือราคาซื้อขาย แล้วแต่อย่างใดจะต่ำกว่า
 กรณีเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมโครงการกับธนาคาร เงื่อนไขเป็นไปตามรายละเอียดของแต่ละโครงการ
หมายเหตุ : ธนาคารขอสงวนสิทธิ์ในการพิจารณาอนุมัติวงเงินกู้ ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของธนาคาร

อัตราดอกเบี้ยแพงมั้ย?
อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 3.29% ต่อปี

 สามารถขอเพิ่มวงเงินกู้ เพื่อชำระค่าเบี้ยประกันชีวิตแบบคุ้มครองวงเงินกู้ (MRTA) ได้
 สิทธิพิเศษ ธนาคารจะมอบส่วนลดอัตราดอกเบี้ยจำนวน 12 เดือน ในกรณีลูกค้าทำประกันชีวิตที่คุ้มครองวงเงินกู้ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 กับบริษัทผู้รับประกันตามนโยบายของธนาคาร โดยอายุกรมธรรม์ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 70 ของอายุสัญญากู้เงิน และไม่ต่ำกว่า 10 ปี หรือทำประกันชีวิตที่คุ้มครองวงเงินกู้ทั้งจำนวน กับบริษัทผู้รับประกันตามนโยบายของธนาคาร โดยอายุกรมธรรม์ไม่ต่ำกว่าอายุสัญญากู้เงินหรือไม่ต่ำกว่า 10 ปี
ซื้อประกันชีวิต MRTA : ลดอัตราดอกเบี้ย 0.15%
ซื้อประกันชีวิต MRTA Plus : ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25%

ค่าธรรมเนียมมีอะไรบ้าง?
 ค่าประเมินราคาหลักประกันรายย่อยขั้นต่ำ 3,000 บาท (ไม่รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) พร้อมค่าพาหนะ (ถ้ามี) สำหรับกรณีต่างจังหวัด นอกเหนือจากนั้นคิดตามระเบียบที่ธนาคารกำหนด ยกเว้นค่าธรรมเนียมการประเมินราคาหลักประกัน (เฉพาะโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าร่วมรายการกับธนาคาร)
 กรณีผู้กู้ชำระคืนเงินกู้เพื่อไปใช้บริการสถาบันการเงินอื่นภายในระยะเวลา 3 ปี นับจากวันทำสัญญากู้เงิน คิดค่าธรรมเนียม (Refinance Fee) 3% ของภาระหนี้คงเหลือ

ข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้านได้ 100%
วงเงินอนุมัติ เป็นอีก 1 เรื่องสำคัญของผู้กู้ที่มีความต้องการอยากได้วงเงินเยอะๆ ยิ่งได้ 100% ก็จะยิ่งดี เพราะคนที่ขอกู้ส่วนใหญ่ต้องการนำเงินมาปิดหนี้เดิมให้ครอบคลุมทั้งหมด และถ้ามีเงินเหลือจากการปิดหนี้ก้อนเดิมแล้วก็ยังสามารถนำเงินส่วนต่างนั้นมาใช้จ่ายในเรื่องที่จำเป็นได้อีก ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ซึ่งผู้กู้ส่วนใหญ่ก็จะมองหาธนาคารที่ให้วงเงินอนุมัติแบบเต็ม 100% อย่างเช่น สินเชื่อรีไฟแนนซ์บ้าน ของธนาคารธนชาต ตามที่เรานำมาให้ดู เป็นต้น ดังนั้น เรามาดูข้อดีของการรีไฟแนนซ์บ้านได้ 100% ว่ามีดียังไงกันค่ะ

เมื่อได้พิจารณาจากทั้งหมดนี้แล้ว ก็จะรู้ว่าเรามีความสามารถที่จะเริ่มเป็นหนี้ก้อนนี้ได้หรือไม่!! สุดท้ายนี้เราหวังว่าเทคนิคที่นำเสนอจะช่วยให้ทุกคนเป็นหนี้แบบสร้างสรรค์ที่ทำให้ "ชีวิตดี๊ดี" ตลอดไปนะคะ

12
ขายรถป้ายแดง Volvo V60 Plus Dark รถไมล์น้อย พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ

วอลโว่ Volvo V60 Recharge Plus T8 Plug-in Hybrid Dark ปี 2023
Volvo V60 Recharge Plus T8 Plug-in Hybrid Dark ไฟหน้าแบบ LED รูปทรง T-shape Full-LED Active High Beam Illumination Active Bending Light ปรับตามบุคลิกของแต่ละคน ซึ่งระบบจะตั้งค่าเครื่องยนต์ เกียร์อัตโนมัติ พวงมาลัย เบรก ระบบควบคุมการทรงตัว และฟังก์ชั่นการเปิด/ปิดเครื่องยนต์ โหมดเหล่านี้ได้แก่ Comfort, Dynamic และ Eco รวมทั้งโหมด Individual มาพร้อมระบบ กล้อง 360 , Park Assist Pilot ระบบเสียงจาก High Performance Sound  ลำโพง 11 ตัว ระบบปรับระดับเสียงอัตโนมัติหรือ Automatic Level Adjustment และอัลกอริทึมพิเศษจะปรับระดับเสียงที่ส่งออกมาเพื่อชดเชยและกลบเสียงรบกวนจากภายนอก รองรับ Apple CarPlay ให้คุณเชื่อมต่อกับ iPhone นอกจากนี้ยังรองรับ Android Auto รวมถึงสามารถทำระยะทางวิ่งสูงสุดด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 

หมายเหตุ : รายละเอียดของรถยนตอ์าจมีการเปลี่ยยนแปลง

รถผู้บริหาร รถทดลองขับ ไมล์น้อย ราคาและโปรโมชั่นพิเศษ

โปรโมชั่นพิเศษ
ตั้งแต่ 13 ก.ย. - 31 ต.ค. 2567
ฟรีประกันภัยชั้น 1 + VPSP Pro + MW

ราคาพิเศษ 2,090,000 บาท

สนใจสอบถามรายละเอียดกดลิ้ง https://www.checkraka.com/flashdeal/car

รายละเอียดเบื้องต้น

   แบรนด์              Volvo
   รุ่น                  วอลโว่ Volvo V60 Recharge Plus T8 Plug-in Hybrid Dark ปี 2023
   ประเภทรถ         รถเก๋งแวน/เอสเตท, รถไฮบริด
   ปีที่เปิดตัว          2023


13
ตรวจอาการเบื้องต้นด้วยตนเอง: สครับไทฟัส (Scrub typhus)

สครับไทฟัส* เป็นโรคที่แพร่เชื้อมาจากสัตว์ พบบ่อยในพื้นที่ชนบทและป่าเขา ในบ้านเรามีรายงานโรคนี้ประมาณปีละ 3,000-4,000 ราย พบได้ทุกภาคของประเทศ

มักพบในกลุ่มชาวไร่ ชาวสวน นักล่าสัตว์ ทหาร นักวิทยาศาสตร์ และผู้ที่ออกไปตั้งค่ายในป่า

โรคนี้ชาวบ้านบางแห่งเรียกว่า ไข้แมงแดง

*ไทฟัส (typhus) หรือไข้รากสาดใหญ่ เป็นโรคติดเชื้อริกเกตเซีย (rickettsia) ซึ่งมีอยู่หลายชนิด ในที่นี้จะกล่าวถึงชนิดที่พบบ่อยในบ้านเรา ได้แก่ สครับไทฟัส

นอกจากนี้ ยังอาจพบมิวรีนไทฟัส (murine typhus หรือ endemic typhus) ที่พบมากทางภาคใต้ เกิดจากเชื้อริกเกตเซียไทฟิ (Rickettsia typhi) ซึ่งมีหมัดหนู (rat flea) เป็นพาหะ มักมีอาการไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ มีผื่นขึ้น โดยไม่มีสะเก็ดแผลไหม้แบบสครับไทฟัส อาจมีอาการตับโต ม้ามโต และอาการทางระบบประสาท (เช่น ซึม ชัก) ประมาณร้อยละ 10 อาจมีอาการรุนแรง ซึ่งอาจเสียชีวิตจากภาวะไตวาย การหายใจล้มเหลว ช็อก ภาวะแทรกซ้อนทางสมอง ให้การรักษาแบบเดียวกับสครับไทฟัส

สาเหตุ

เกิดจากเชื้อริกเกตเซีย ที่มีชื่อว่า โอเรียนเทียซูซูกามูชิ (Orientia tsutsugamushi ซึ่งเดิมเรียกว่า Rickettsia tsutsugamushi หรือ Rickettsia orientalis) โดยมีไรอ่อน (chigger หรือ laval-stage trombiculid mites) เป็นพาหะนำโรค ระยะฟักตัว 4-18 วัน

ตัวไรแก่อาศัยอยู่บนหญ้าและวางไข่บนพื้นดิน ไข่จะฟักเป็นตัวอ่อนที่มี 6 ขาและมีสีแดง ไรอ่อนจะกระโดดเกาะสัตว์เลื้อยคลาน สัตว์แทะ นก หรือผู้ที่เดินผ่านไปมาเพื่อดูดน้ำเหลืองเป็นอาหาร ถ้าคนหรือสัตว์มีเชื้อริกเกตเซียชนิดนี้อยู่ เชื้อก็จะเข้าไปอยู่ในลำไส้และต่อมน้ำลายของไรอ่อน แล้วเจริญแบ่งตัวในขณะที่ไรอ่อนกลายเป็นตัวแก่ ตัวแก่เมื่อวางไข่ก็จะมีเชื้อโรคแพร่ติดอยู่ เมื่อฟักเป็นไรอ่อนก็จะเป็นไรอ่อนที่มีเชื้อโรค เมื่อไปกัดคนหรือสัตว์ก็จะแพร่เชื้อให้คนหรือสัตว์นั้นต่อไป

ในบ้านเราสัตว์ที่เป็นรังโรค (มีเชื้อโรคในร่างกาย) คือ หนูเป็นส่วนใหญ่ ส่วนน้อยอาจพบในกระแต และ กระจ้อน

สัตว์ที่เป็นรังโรคและไรอ่อนที่เป็นพาหะนำโรค อาจอยู่ตามพื้นที่ที่เป็นทุ่งหญ้า ป่าละเมาะ ทุ่งหญ้าคา ไร่พริก สวนยาง พุ่มไม้เตี้ย ๆ และป่าสูง ซึ่งมีอยู่แทบทุกภาคของประเทศ

อาการ

หลังถูกไรอ่อนกัด 4-18 วัน จะมีอาการปวดศีรษะที่ขมับและหน้าผาก และจับไข้หนาวสั่น ไข้สูงตลอดเวลา (ไข้อาจเป็นอยู่นาน 2-3 สัปดาห์) หน้าแดง ตาแดง และกลัวแสง อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ท้องผูก

บริเวณที่ถูกกัดจะเจ็บ และมีรอยไหม้ดำเหมือนถูกบุหรี่จี้ รอบ ๆ แผลจะมีอาการบวมแดงแต่ไม่เจ็บ เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 ซม. และเป็นอยู่นาน 1-3 สัปดาห์ พบได้ประมาณร้อยละ 40 ของผู้ป่วย มักจะพบที่รักแร้ ขาหนีบ รอบเอว ก้น อวัยวะเพศ ต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ ๆ จะโตและเจ็บด้วย

ประมาณวันที่ 5-7 หลังมีไข้จะมีผื่นสีแดงคล้ำขึ้นที่ลำตัวก่อน แล้วกระจายไปแขนขา ผื่นจะมีอยู่ 3-4 วันก็หายไป

ผู้ป่วยอาจมีอาการไอร่วมด้วย จากการอักเสบของเนื้อปอด


ภาวะแทรกซ้อน

ในรายที่เป็นรุนแรง อาจถ่ายอุจจาระดำ เพ้อคลั่ง หมดสติ หัวใจวาย (กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ) สมองอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ ปอดอักเสบ ภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน (ARDS) ไตวายเฉียบพลัน หรือภาวะช็อกจากโลหิตเป็นพิษ


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการและสิ่งตรวจพบ ดังนี้

ไข้สูง อาจพบต่อมน้ำเหลืองโตทั่วไป ตับโต ม้ามโต รอยแผลไรกัดลักษณะเหมือนถูกบุหรี่จี้ เรียกว่า สะเก็ดแผลไหม้ หรือ เอสคาร์ (eschar)

อาจพบผื่นแดงตามผิวหนัง (ขึ้นประมาณวันที่ 6 ของไข้) ดีซ่าน หรือคอแข็ง

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการทดสอบทางน้ำเหลืองด้วยวิธี indirect immunofluorescence assay (IFA), indirect immunoperoxidase assay (IIP) หรือ dot-ELISA (ซึ่งทำเป็นชุดตรวจสำเร็จรูป หรือ dipstick test)

บางรายอาจตรวจด้วยวิธี polymerase chain reaction (PCR)

นอกจากนี้ อาจทำการตรวจปัสสาวะ เจาะเลือด ตรวจการทำงานของตับ เอกซเรย์ และตรวจพิเศษอื่น ๆ


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

หากสงสัย ควรส่งโรงพยาบาล แพทย์จะวินิจฉัย

1. ถ้าอาการไม่รุนแรงให้ยาปฏิชีวนะ เช่น เตตราไซคลีน คลอแรมเฟนิคอล หรือดอกซีไซคลีน

ในหญิงตั้งครรภ์หรือเด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี หรือในรายที่ดื้อต่อยาดังกล่าว ก็จะให้ยาปฏิชีวนะอื่น เช่น อะซิโทรไมซิน ไรแฟมพิซิน

2. ถ้ามีอาการรุนแรง เช่น หอบ หัวใจวาย ไตวาย ช็อก ชัก หรือหมดสติ จำเป็นต้องรับตัวไว้รักษาในโรงพยาบาล


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีไข้สูง ร่วมกับอาการหนาวสั่น, มีไข้นานเกิน 7 วัน, หรือ มีไข้ร่วมกับมีรอยไหม้ดำเหมือนถูกบุหรี่จี้ที่รักแร้ ขาหนีบ รอบเอว ก้น หรืออวัยวะเพศ  ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นสครับไทฟัส ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา กินยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้วอาการไม่ทุเลาใน 2-3 วัน
    มีภาวะช็อก (ซึม กระสับกระส่าย ตัวเย็น หน้ามืด เป็นลม)
    มีอาการปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก ซึมมาก ไม่ค่อยรู้สึกตัว เพ้อคลั่ง หรือชัก
    หายใจหอบ หรือเจ็บหน้าอกมาก
    ปัสสาวะออกน้อยหรือไม่ออกเลย
    ถ่ายอุจจาระดำ
    ขาดยา ยาหาย หรือกินยาไม่ได้
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน กินยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม ปวดท้อง ท้องเดิน คลื่นไส้ อาเจียน จุดแดงจ้ำเขียว หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ


การป้องกัน

1. ถ้าจะออกไปตั้งค่ายในป่า พยายามอย่าเข้าไปในพุ่มไม้ บริเวณที่ตั้งค่ายควรถางให้โล่งเตียน ควรพ่นยาฆ่าไรบนพื้นดิน และไม่ควรนั่งหรือนอนอยู่กับที่นาน ๆ ควรใส่เสื้อผ้ารัดกุมและทายาป้องกัน

2. กินยาป้องกัน โดยกินดอกซีไซคลีน 200 มก. สัปดาห์ละครั้ง ระหว่างที่อยู่ในพื้นที่ที่มีโรคนี้อยู่ โดยให้เริ่มกินครั้งแรกก่อนเดินทาง 3 วัน และกินต่อจนกระทั่ง 6 สัปดาห์หลังเดินทางกลับออกมาแล้ว


ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มักมีไข้สูง หนาวสั่น อาจมีไข้นาน 2-3 สัปดาห์ ตาแดงและมีผื่นขึ้น อาการเหล่านี้มีลักษณะคล้ายมาลาเรีย ไทฟอยด์ เล็ปโตสไปโรซิส ไข้เลือดออก และหัด

แต่ลักษณะเฉพาะของโรคนี้ คือ มีประวัติเดินทางไปต่างจังหวัด หรือเข้าไปในป่า ในสวนหรือในไร่ และอาจพบสะเก็ดแผลไหม้จากไรกัด มีลักษณะไหม้ดำเหมือนถูกบุหรี่จี้

ดังนั้นเมื่อพบผู้ที่เป็นไข้โดยยังไม่ทราบสาเหตุชัดเจน ควรค้นหารอยแผลไรกัด โดยถามผู้ป่วยว่ามีแผลตามร่างกายหรือไม่ และตรวจดูตามผิวหนังอย่างถี่ถ้วน โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณรักแร้ ขาหนีบ รอบเอว ก้น อวัยวะเพศ

2. โรคนี้เมื่อได้รับการรักษา ไข้มักจะลดลงภายใน 24-72 ชั่วโมง และจะหายขาดโดยไม่มีภาวะแทรกซ้อนแต่อย่างใด แต่ถ้าไม่ได้รับการรักษา บางรายอาจหายได้เอง โดยจะมีไข้อยู่นาน 2-3 สัปดาห์ แต่บางรายอาจมีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง โรคนี้มีอัตราตายประมาณร้อยละ 10-30

14
จัดฟันบางนา: คราบบุหรี่ สามารถติดเครื่องมือการจัดฟันแบบใส

การจัดฟันแบบใส เป็นการจัดฟันที่ได้รับความนิยมมากในปัจจุบัน ด้วยการนำนวัตกรรมใหม่เข้ามาช่วยในการรักษาทำให้ผู้เข้ารับการจัดฟันได้ทราบถึงขั้นตอนการรักษา การเคลื่อนตัวของฟันในรูปแบบ 3D และยังสามารถทราบผลการรักษาล่วงหน้าได้อีกด้วย ดังนั้น การจัดฟันแบบใส จึงได้รับการยอมรับจากผู้ที่มีปัญหาฟันเป็นจำนวนมาก เพราะสามารถทำให้ผู้ที่มีปัญหากลับมามีฟันที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามเป็นธรรมชาติ แถมยังช่วยส่งเสริมในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันอีกด้วย

การดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟัน เป็นเรื่องที่ทุกคนจะต้องเอาใจใส่ให้มากเป็นพิเศษ เพราะการที่เรามีปัญหาในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันเกิดมาจากการที่เราไม่ดูแลรักษาความสะอาด ทำให้เกิดฟันผุ เกิดโรคเหงือกอักเสบและปัญหาฟันอื่นๆ นอกจากเรื่องการดูแลรักษาความสะอาดแล้ว ในเรื่องของการรับประทานอาหารและพฤติกรรมการใช้ชีวิตก็ส่งผลต่อสุขภาพช่องปากและฟันเช่นเดียวกัน ยกตัวอย่างเช่น การที่เรามีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อร่างกายและสุขภาพช่องปากและฟันโดยตรง อาจจะทำให้เกิดฟันผุ มีกลิ่นปาก รวมไปถึงทำให้สีของฟันมีสีเหลือง

ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุของการเกิดโรคเหงือกอักเสบนำไปสู่การสูญเสียฟันได้เลยทีเดียวแต่สำหรับใครที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่และอยากจะเข้ารับการจัดฟันแบบใส อาจจะสงสัยว่า ถ้าหากสูบบุหรี่สามารถเข้ารับการจัดฟันแบบใสได้หรือไม่ และการสูบบุหรี่จะทิ้งคราบบนเครื่องมือการจัดฟันของเราหรือไม่ วันนี้ทางคลินิกของเราจะมาพูดถึงเรื่องของคราบบุหรี่ว่าสามารถทำให้เกิดสีหรือคราบบนเครื่องมือการจัดฟันแบบใสได้หรือไม่


เราจะอธิบายก่อนว่า โทษของบุหรี่นั้นส่งผลต่อสุขภาพช่องปากและฟันอย่างไร หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่าพฤติกรรมการสูบบุหรี่ ส่งผลทำให้เรามีปัญหาช่องปากและฟันนั่นก็คือ อาจจะทำให้เกิดโรคเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์ได้ ทั้งยังส่งผลทำให้มีกลิ่นปากอันไม่พึงประสงค์ ซึ่งก็จะทำให้เราเสียบุคลิกภาพและเกิดความไม่มั่นใจ


หลายคนที่มีพฤติกรรมการสูบบุหรี่ อาจจะมีสีฟันที่เปลี่ยนไป มีสีฟันที่เหลือง สีคล้ำขึ้น ดูแล้วไม่น่ามองอันนี้ถือว่าเป็นข้อเสียที่เราเห็นได้ชัด ดังนั้น ผู้ที่เข้ารับการจัดฟัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดฟันแบบทั่วไปหรือการจัดฟันแบบใส ก็ควรหลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่จะดีที่สุด เพราะการสูบบุหรี่ ทำให้เกิดคราบบนผิวฟันและยิ่งถ้าหากผู้เข้ารับการจัดฟันแบบทั่วไปที่มีเครื่องมือแบบติดแน่นอาจจะส่งผลทำให้การทำความสะอาดช่องปากและฟันไม่ดีเท่าที่ควร ทำให้เกิดคราบที่ตกค้างอยู่บนผิวฟันและจะส่งผลทำให้มีสีฟันที่เปลี่ยนไป

สำหรับผู้ที่เข้ารับการจัดฟันแบบใส การสูบบุหรี่จะทิ้งคราบบนผิวฟัน และเมื่อผู้เข้ารับการจัดฟันสวมใส่เครื่องมือก็จะทำให้เห็นสีฟันที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้คราบบุหรี่ที่ติดอยู่บนผิวฟันอาจจะส่งผลทำให้เครื่องมือมีสีที่เปลี่ยนไปด้วย ดังนั้น คราบบุหรี่ก็สามารถติดเครื่องมือการจัดฟันแบบใสได้ วิธีการแก้ไขปัญหาก็คือ เราควรทำความสะอาดช่องปากและฟันให้สะอาด รวมไปถึง ควรทำความสะอาดเครื่องมือการจัดฟันอย่างถูกวิธี เพื่อกำจัดคราบที่อาจจะตกค้างอยู่บนผิวฟันและเครื่องมือการจัดฟันของเรา


แต่อย่างไรก็ตาม การงดสูบบุหรี่ก็เป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพของเรา ดังนั้น ถ้าหากเลิกบุหรี่ได้ก็จะเป็นการดีเลยทีเดียว สำหรับใครที่สนใจเข้ารับการจัดฟันแบบใส สามารถติดต่อขอรับคำแนะนำได้ที่คลินิกทางเรามีทันตแพทย์ที่ผ่านการรับรองขั้นสูงสุดจาก Invisalign ทำให้ผู้เข้ารับการรักษามีความมั่นใจและมีความปลอดภัยในการเข้ารับการรักษากับทางคลินิกเพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี เพื่อที่จะได้สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างเต็มที่และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

15
อาหารสายยาง: อาหารทางการแพทย์ สำหรับผู้ป่วยทั่วไปที่ต้องการเสริมเส้นใยอาหาร

อาหารทางการแพทย์ เป็นอาหารที่ไม่ใช่ยาและไม่มีจุดประสงค์ในการรักษาโรค ใช้ในการบำบัดอาการเจ็บป่วยสำหรับผู้ป่วยเฉพาะโรค ผู้ที่ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตาม หรือร่างกายอยู่ในภาวะที่ต้องการสารอาหารบางอย่างมากหรือน้อยเป็นพิเศษ โดยที่ไม่สามารถบริโภคจากอาหารทั่วไป ปัจจุบันอาหารทางการแพทย์มีหลากหลายชนิดทั้งสำหรับผู้ใหญ่และทารก

ซึ่งแต่ละชนิดก็มุ่งเน้นให้ตรงกับความต้องการของร่างกายอย่างจำเพาะเจาะจง อาจอยู่ในรูปแบบที่ใช้กินหรือดื่มแทนอาหารหลัก ดื่มเพื่อเสริมอาหารบางมื้อ หรือใช้เป็นอาหารทางสายยางในกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่สามารถรับประทานอาหารเองได้ หรือผู้ป่วยที่หมดสติ ไม่รู้สึกตัว ซึ่งอาหารทางการแพทย์สามารถให้สารอาหาร สำหรับผู้ที่ต้องการสารอาหารใด สารอาหารหนึ่ง ให้มากหรือน้อยตามความต้องการของร่างกายได้ สำหรับวันนี้ ทางเราจะมาพูดถึงอาหารทางการแพทย์ สำหรับผู้ป่วยทั่วไปที่มีความต้องการเสริมอาหารประประเภทเส้นใยอาหาร ซึ่งถือว่าดีต่อระบบการขับถ่ายและยังช่วยให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลที่พอดีด้วย

สำหรับเส้นในอาหารนั้น คือ ส่วนของพืชผัก ผลไม้ หรือเมล็ดธัญพืชที่มนุษย์ได้รับประทานเข้าไป แต่จะไม่ถูกย่อยโดยน้ำย่อยของคน (จึงไม่ให้พลังงาน) แต่อาจจะถูกย่อยโดยจุลินทรีย์บางชนิดในทางเดินอาหารของมนุษย์ ซึ่งเส้นใยอาหารจะมีด้วยกัน 2 ชนิด คือ ใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำและใยอาหารชนิดละลายน้ำ ซึ่งใยอาหารชนิดไม่ละลายน้ำ คือเส้นใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ ทำให้เพิ่มปริมาตรน้ำในกระเพาะอาหาร ช่วยเพิ่มกากอาหาร และช่วยทำความสะอาดทางเดินอาหาร  เส้นใยชนิดนี้แบคทีเรียในลำไส้ใหญ่จะไม่สามารถย่อยได้ จึงช่วยเพิ่มเนื้ออุจจาระ ลดปัญหาอาการท้องผูก และช่วยลดความเสี่ยงของมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อีกด้วย ต่อมาใยอาหารชนิดละลายน้ำคือ เส้นใยอาหารที่ละลายได้ในน้ำแล้วดูดซับน้ำไว้กับตัว ใยอาหารชนิดนี้เมื่อละลายน้ำจึงมีความหนืดเพิ่มขึ้น สามารถจับน้ำตาลและดูดซับน้ำมันได้

ซึ่งใยอาหารชนิดนี้ร่างกายของเราจะย่อยเองไม่ได้ แต่แบคทีเรียที่อาศัยอยู่ในลำไส้ใหญ่จะสามารถย่อยได้ สำหรับผู้ที่ต้องการเส้นใยอาหารเพิ่ม ควรรับประทานข้าวเป็นอาหารหลัก โดยเฉพาะข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือ หรือผลิตภัณฑ์จากข้าวที่ไม่ขัดสี เช่น ขนมปังโฮลวีต ซึ่งมีกากใยอาหารมากกว่าขนมปังขาวถึง 3 เท่า รับประทานผักผลไม้ให้มากๆ และกินพืชตระกูลถั่วให้หลากหลาย และควรรับประทานผลไม้ทั้งเปลือก เช่น แอปเปิ้ล องุ่น ฝรั่ง ควรรับประทานผลไม้สดแทนการดื่มน้ำผลไม้คั้น หมั่นรับประทานผักที่กินทั้งต้นและก้านได้ให้มากขึ้น เช่น ผักคะน้า ผักบุ้ง กวางตุ้ง เติมถั่วต่างๆ ลงในอาหาร เช่น ในสลัด ต้มจืด หรือแกงต่างๆ และที่สำคัญควรดื่มน้ำมากๆ เพราะเส้นใยอาหารจะทำงานได้ดีต้องมีน้ำช่วย สำหรับผู้ที่ไม่ชอบการรับประทานผักสด ผลไม้มากๆ มาก่อน ควรจะเพิ่มปริมาณอาหารที่มีกากใยทีละน้อย เพื่อป้องกันไม่ให้ระบบย่อยอาหารเกิดอาการปั่นป่วน

ถึงแม้ว่า เส้นใยอาหารจะมีคุณค่าทางโภชนาการเพียงเล็กน้อย เนื่องจากร่างกายย่อยไม่ได้ แต่ก็ให้สารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย ซึ่งได้แก่ วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่หลายอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อระบบทางเดินอาหารและการขับถ่าย ทั้งยังมีส่วนช่วยในเรื่องของการป้องกันและช่วยควบคุมโรคเบาหวาน เส้นใยอาหารชนิดละลายน้ำได้ มีคุณสมบัติที่ทำให้อาหารอยู่ในกระเพาะได้นานขึ้น จึงทำให้รู้สึกอิ่มได้นานกว่า ขณะเดียวกันยังช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลกลู-โคสเข้าสู่กระแสเลือดช้าลงด้วย เป็นการช่วยปรับระดับน้ำตาลให้คงที่

และยังช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตัน เพราะเส้นใยอาหารที่ละลายน้ำได้สามารถลดปริมาณคอเลสเตอรอลในเลือด โดยที่เส้นใยอาหารชนิดนี้จะเข้าไปรวมตัวกับคอเลสเตอรอล ทำให้คอเลสเตอรอลบางส่วนไม่ถูกดูดซึมในลำไส้เล็ก แต่ถูกกำจัดออกจากร่างกายไปพร้อมกับกากอาหารอื่นๆ  สำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เส้นใยอาหารยังช่วยควบคุมน้ำหนัก สำหรับผู้ที่อยากมีรูปร่างดี น้ำหนักมาตรฐาน การรับประทานอาหารที่มีเส้นใยอาหารมากจะช่วยควบคุมน้ำหนักได้ง่ายขึ้น เพราะคุณสมบัติที่อุ้มน้ำของเส้นใยชนิดที่ไม่ละลายน้ำ จะทำให้รู้สึกอิ่มได้นาน แต่ได้รับพลังงานลดลง

อย่างไรก็ตามทาง อาหารทางสายยาง อยากให้ทุกคนเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อช่วยป้องกันการเกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆได้ และต้องหมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงต้านทานโรคต่างๆได้อีกด้วย


หน้า: [1] 2 3 ... 8
ลงประกาศฟรี ติดอันดับ google โพสต์ฟรี ลงโฆษณาฟรี ขายบ้าน ขายที่ดิน ขายคอนโด ขายรถยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สินค้าอุตสาหกรรม อาหารเสริม เครื่องสำอางค์ สถานที่ท่องเที่ยว วัตถุดิบทางการเกษตร ขายปลีก -ขายส่ง ลงโฆษณาฟรี ติดอันดับ Google